ขอความเป็นธรรม

มีพยาบาลสาวคนหนึ่งบนเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่งสำเนาบันทึกข้อความถึง พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 มาให้ผู้เขียน

สำเนานี้ยังนำเรียน พ.ต.อ.พงษ์ขจร สุกกสังค์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎรธานี

ทวงความคืบหน้าเรื่อง ร้องวินัยตำรวจ ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2564 ปัจจุบันเวลาผ่านมานานแล้วยังไม่ได้รับการแจ้งความคืบหน้า

ที่เธออยาก “ขอความเป็นธรรม”

เรื่องราวเกิดเหตุระหว่างเธอกับสามียศ ส.ต.อ.ปฏิบัติงานอยู่โรงพักเกาะสมุย จัดแต่งงานกันเมื่อปี 2562 มีญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้ แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส กระทั่งคลอดบุตรสาวหนึ่งคน ทว่าชีวิตสมรสไม่ได้สุขสมหวังอย่างที่วาดฝันไว้

เธอระบายพฤติกรรมของสามีว่า ติดสุรา การพนัน ชอบเที่ยวเตร่ และยังนอกใจ มีความสนิทสนมกับคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยา ชวนกันไปดื่มสุรากลายเป็นที่นินทาของชาวบ้าน ทำให้เธออับอายเป็นอย่างมาก สภาพจิตใจทุกข์ทรมาน

เมื่อไปสอบถามสามีกลับถูกทำร้ายร่างกาย ตบตี และใช้อาวุธปืนข่มขู่

“ครั้งแรกตอนข้าพเจ้าคลอดลูกได้ 1 เดือน ตบข้าพเจ้าต่อหน้าลูก อีกครั้งทำร้ายร่างกายโดยการจบ บีบแขน และใช้อาวุธปืนข่มขู่ขึ้นลำจ่อจะยิงข้าพเจ้าต่อหน้าลูก”

เธอต้องอาศัยอยู่ด้วยความทุกข์ทรมานใจ เจ็บทั้งกายและใจ ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว เพราะทุกวันฝ่ายชายต้องไปดื่มสุรา สังสรรค์กันเป็นประจำ แม้แต่วันที่ปฏิบัติงาน

นอกจากนี้ยังมีปากเสียงลามปามไปถึงพ่อแม่ของเธอ

ข่มขู่จะฆ่าทั้งครอบครัว

ล่าสุดเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2563 สามีมานั่งดื่มสุราในห้องพัก แล้วตบหน้าเธอ กักขังเธอไม่ให้ออกจากห้อง เขวี้ยงโทรศัพท์มือถือทิ้ง เพราะเธอจะแจ้ง 191 หลังจากนั้นได้ใช้ปืนขึ้นลำจ่อจะยิง เอานิ้วเข้าไปในไกปืน

ทั้งที่เธอกำลังอุ้มลูกน้อย

“ลูกส่งเสียงร้องอย่างหนัก ข้าพเจ้าก็ร้องขอชีวิต แต่ ส.ต.อ…..ไม่ลดปืน แถมลั่นไกปืนเตรียมยิง บังคับให้ข้าพเจ้าพูดคำว่า อโหสิกรรม”

เธอกลัวมากและตัดสินใจหนีออกจากห้องพักพร้อมลูกน้อย พร้อมแจ้งความโรงพักที่สามรถปฏิบัติงานอยู่

ปรากฏว่า คดีไม่คืบหน้า เธอเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะเดินทางไปให้ปากคำ หรือข้อมูลใด ๆ ในพื้นที่ ถึงขั้นต้องขออนุญาตย้ายตัวเองออกจากสถานที่ทำงานบนเกาะสมุยไปอยู่ที่อื่นด้วย

เธอไม่อยากให้เรื่องราวหายเข้ากลีบเมฆ โดยที่ผู้บังคับบัญชาไม่ทำอะไร

เป็นเหตุให้เธอทุกข์ทรมานใจขอระบายผ่านสื่ออีกทาง