สืบสวนภูธรภาค 2 ปิดเกมบุกชิงแบงก์รวบผู้ต้องหาทันควัน

ตำรวจสืบสวนภูธรภาค 2 ปิดแฟ้มชิงทรัพย์ธนาคารทันควัน หลังจากคนร้ายก่อเหตุสวมหมวกแก๊ปสีดำ และสวมแมสก์ปิดบังใบหน้า ทำทีเข้าไปใช้บริการธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาบ้านเก่า หมู่ 3 ตำบลบ้านเก่า อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ยื่นสมุดบัญชีเงินให้พนักงานพร้อมแนบจดหมายน้อยเขียนข้อความข่มขู่ว่า “ห้ามคุยกับใคร ในกระเป๋ามีปืนทำตัวปกติ เอาเงินมา 4 ล้าน ถ้าพูดคุยกับใครมีคนตาย ซึ่งคุณเป็นคนแรก เอามาวางบนโต๊ะ” พนักงานธนาคารเกิดความกลัวนำเงินในลิ้นชักให้กับคนร้ายไป 600,000 บาท ก่อนที่คนร้ายจะขึ้นรถจักรยานยนต์แบบผู้หญิงหลบหนีไป

พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ  แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2  พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์  กิจจาหาญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2  นำกำลัง สืบสวนหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุโดยเร็ว  เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญของประชาชน

ปรากฏว่า เวลาผ่านไปยังไม่ทันข้ามคืน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 นำทีมประกอบด้วย  พ.ต.อ.มาโนต  หวังสู้ศึก ผู้กำกับการสืบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2  พ.ต.ท.ประจักษ์พงษ์  สุริยา  รองผู้กำกับการสืบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2  พ.ต.ท.สุวัฒน์  บริรักษ์  รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ  กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2  พ.ต.ท.เอกกร  วรรณทอง  สารวัตรกองกำกับการสืบสวน  กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 พ.ต.ต.อสวรรธน์  ศิระเวรินทร์  สารวัตรกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2  นำกำลังประสานพ.ต.อ.ศตวรรษ บุญมี  ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง จับกุม นายสุริยา หรือยา ตะโกนา อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 299/2 หมู่ 2 ตำบลบ้านเก่า อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี  ระหว่างหลบหนีไปจนมุมบริเวณบริเวณหน้าปั๊ม ปตท. ถนนสายเอเชีย ตำบลท่าโฉนด อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท พร้อมของกลางเงินสดที่ได้มาจากการชิงทรัพย์ 595,000 บาท  อาวุธปืน(ปลอม) สีดำ  1 กระบอก

ทั้งนี้จากการสืบสวนคนร้ายที่ก่อเหตุทราบชื่อ นายสุริยา ตะโกนา ทำงานอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรม ตำบลดอนหัวฬ่อ อำเภอเมืองชลบุรี หลบหนีขึ้นรถตู้โดยสารไปมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร  แล้วต่อรถโดยสารจากขนส่งหมอชิต เตรียมเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 ติดตามผู้ต้องหาไปอย่างกระชั้นชิด และเกรงว่าผู้ต้องหาอาจเป็นอันตรายแก่ประชาชน และผู้คนสัญจรรถโดยสารประจำทางทั่วไปเนื่องจากเชื่อว่า คนร้ายมีอาวุธปืนติดตัว และเพิ่งก่อเหตุชิงทรัพย์ธนาคารหลบหนี ก่อนประสานตำรวจทางหลวงสกัดจับได้ในปั๊มน้ำมัน

สำหรับมูลเหตุในการก่อเหตุ ผู้ต้องหาอ้างว่า เกิดจากติดหนี้บัตรเครดิต บ้าน รถ จำนองที่นา มีหนี้สินจำนวนกว่า 3 ล้านบาท  วางแผนก่อเหตุมาตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ด้วยการเข้าไปดูลาดเลาธนาคารมาก่อนหน้าแล้ว  4 แห่ง ก่อนตัดสินใจลงมือกระทำความผิด รับว่าเขียนจดหมายน้อยข่มขู่พนักงานธนาคาร เพราะไม่อยากให้คนมาใช้บริการธนาคารแตกตื่น

“คดีนี้เป็นคดีอุกอาจ คนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ธนาคารโดยมีอาวุธปืน ภายในมีประชาชนหลายคนกำลังใช้บริการ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสืบสวนหาตัวคนร้ายได้รวดเร็วจากกล้องวงจรปิดตามโครงการสมาร์ท เซฟตี้โซน 4.0 เป็นตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2  จึงจัดกำลังตำรวจฝ่ายสืบสวนหลายชุดออกติดตามคนร้าย พร้อมบูรณาการตำรวจทางหลวง เนื่องจากคนร้ายมีพฤติกรรมเป็นอันตรายแก่ประชาชน และผู้คนสัญจรรถโดยสารประจำทางทั่วไป กระทั่งประสบความสำเร็จในที่สุด” พล.ต.ต.ธีรเดชว่า

RELATED ARTICLES