จากเหตุการณ์คนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 30 ปีเศษ สวมแมสก์สีขาวปิดบังใบหน้า ก่อเหตุใช้ปืนสั้นออโตเมติก จี้ชิงทรัพย์ร้านทองแม่จรินทร์ 4 อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง กวาดทองพร้อมเงินสดมูลค่าประมาณ 130,000 บาท หลบหนีไป พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.วรา เวชาภินันท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง นำกำลังกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดระยอง และสถานีตำรวจภูธรบ้านฉาง จังหวัดระยอง สืบสวนหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุโดยเร็วเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญของประชาชน
ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 นำกำลัง พ.ต.อ.วราวุธ เจริญชนม์ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 พ.ต.อ.กฤตยา เลาประสพวัฒนา รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 พ.ต.อ.สหัส ใจเย็น รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 พ.ต.อ.บัญชา คล้ายน้อย ผู้กำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุข ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 พ.ต.ท.สุวัฒน์ บริรักษ์ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 พ.ต.ท.ประจักษ์พงษ์ สุริยา รองผู้กำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 พ.ต.ท.อุกฤษ พันธ์คงชื่น รองผู้กำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รองผู้กำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 บูรณาการกำลังเกี่ยวข้อง
มี พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง สั่งการ พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดระยอง พ.ต.อ.ไพทูรย์ ปาปะคัง ผู้กับการสถานีตำรวจภูธรบ้านฉาง พ.ต.ท.สถาบัน ซึมกลาง รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจภูธรบ้านฉาง ประกอบทีม พล.ต.ต.ธรรมจักร คงมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ พ.ต.อ.โชคชัย อินทนิน รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ บำรุงสวัสดิ์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรบึงกาฬ กับพวก ร่วมกันจับกุมตัว นายนพคุณ ภิรมอยู่ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ 1 ตำบลสระจรเข้ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ผู้ต้องหารายนี้ระหว่างหนีไปกบดานอยู่บ้านเลขที่ 376/2 หมู่ 1 ถนนประกอบบูรณะ ตำบลวิศิษฐ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ พร้อมด้วยของกลาง งินสดที่ได้มาจากการชิงทรัพย์ คงเหลือ 4,800 บาท รถกระบะ ยี่ห้อเชฟโรเลต สีขาว ทะเบียน ผข 4683 ระยอง รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า มิโอ125ไอ สีขาว น้ำเงิน ทะเบียน คงจ 365 ระยอง ที่ใช้ก่อเหตุ
เบื้องหลังการจับกุม ตำรวจสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดระยอง และฝ่ายสืบสวนโรงพักบ้านฉาง ตามหาพยานหลักฐานตนร้าย กระทั่งพบแผ่นป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ของคนร้ายจากกล้องวงจรปิด เป็นรถยามาฮ่า สีขาวน้ำเงิน ทะเบียน คงจ 365 ระยอง เป็นรถของ น.ส.พรประจักร์ ขอสงวนนามสกุล เกี่ยวพันเป็นภรรยาของ นายนพคุณ ภิรมอยู่ ให้ข้อมูลยืนยันตัวบุคคลว่า สามีเป็นผู้นำรถไปใช้ในวันเกิดเหตุ แล้วนำรถไปจอดไว้ที่หอพักในเมืองระยอง เปลี่ยนไปขับรถกระบะยี่ห้อเชฟโรเลต สีขาว หลบหนีต่อไปซุกซ่อนตัวอยู่ที่บ้านในจังหวัดบึงกาฬ สอบสวนสารภาพอ้างว่า ก่อเหตุเพราะต้องการนำเงินไปใช้หนี้พนันไก่ชน และจัดงานบวชให้พ่อแม่ที่โคราชในวันที่ 30 ธันวาคม 2564 แต่ภรรยาโทรศัพท์มาบอกตำรวจตามหาอยู่ถึงเตลิดหนีไปบึงกาฬ
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ระบุว่า คดีนี้เป็นคดีอุกอาจ คนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทอง มีอาวุธปืน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสืบสวนหาตัวคนร้ายได้รวดเร็วจากกล้องวงจรปิดตามโครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 เป็นนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญขาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 นำไปสู่เบาะแสการติดตามคนร้ายได้ในที่สุด สุดท้ายอยากขอเตือนสติ อย่าคิดหลงกระทำผิด เพราะนอกจากจะหนีไม่รอดแล้วจะต้องติดคุก และไม่ได้ใช้เงินอย่างที่คิด