ความรักมักเปลี่ยนเป็นความหลงกลายเป็นต้องมนต์ตกหลุมดำของมิจฉาชีพที่หากินอยู่บนโลกออนไลน์
เทศกาลวาเลนไทน์ถึงอาจทำให้หลายคนหัวใจสลาย
ด้วยเพราะพิษรักมาก หลงมาก เปย์มาก
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ประชาชนต้องรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
โดยเฉพาะวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี เทศกาลวาเลนไทน์ วันแห่งความรักที่คู่รักทั่วโลกรวมถึงคู่รักในประเทศไทยจะใช้โอกาสนี้ในการแสดงออกถึงความรักด้วยการส่งดอกไม้ ของขวัญ เงินให้คนรักเนื่องในโอกาสพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอย้ำเตือนให้ระมัดระวังมิจฉาชีพที่อาศัยโอกาสจากเทศกาลแห่งความรัก หลอกลวงเอาทรัพย์สินจากประชาชน
กระนั้นก็ตคาม มีอาชญากรรมออนไลน์ที่คนร้ายเป็นชาวต่างชาติใช้ความรักในการหลอกลวงเหยื่อหลักๆ อยู่ 3 ประเภท พ.ต.อ.ศิริวัฒน์อธิบายความว่า เริ่มตั้งแต่แก๊ง Romance Scam หลอกรักให้เปย์ แล้วเททิ้ง คนร้ายเป็นแก๊งชาวผิวสี เริ่มต้นด้วยการสร้างบัญชีทางสื่อสังคมออนไลน์ปลอมโดยใช้รูปผู้อื่นส่วนใหญ่จะปลอมเป็นชาวยุโรป อเมริกัน หรือชาวตะวันออกกลาง ที่หน้าตาดี หล่อ รวย หน้าที่การงานดี มีการใช้ชีวิตที่หรูหราเข้ามาทักทายเหยื่อ(เป้าหมายคือหญิงไทยอายุ40ปีขึ้นไป) ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ แล้วสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน อ้างว่า ภรรยาเสียชีวิตหรือหย่าร้าง อยากใช้ชีวิตที่เหลือกับหญิงไทย ถูกใจเหยื่อมากใช้วิธีการแชตเรียกเหยื่อหวานหยดย้อย เช่น Darling, Sweetheart ,My love พอเหยื่อหลงเชื่อและหลงรักจะเริ่มหลอกลวงเพื่อหวังเงินจากเหยื่อโดยจะใช้วิธีการต่าง ๆ
อาทิอ้างว่า จะส่งทรัพย์สินมีค่ามาให้ แล้วมีผู้ร่วมขบวนการเป็นคนไทยจะติดต่อเหยื่อสวมรอยเป็นเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร หรือบริษัทส่งของระหว่างประเทศ มีการเรียกเก็บภาษีหรือค่าปรับจากเหยื่อ อ้างว่าป่วยแต่ประกันสุขภาพมีปัญหา ขอให้เหยื่อโอนค่ารักษาพยาบาลมาให้ อ้างว่าได้รับมรดกจำนวนมาก แต่ต้องมีการจ่ายภาษีมรดกก่อน ขอให้เหยื่อช่วยโอนเงินมาให้ และอ้างว่าได้รับสัมปทานหรือทำสัญญากับภาครัฐ จะได้ผลกำไรจำนวนมาก ขอให้เหยื่อโอนเงินมาจ่ายให้กับภาครัฐก่อนทำสัญญา เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะสูญเงินทั้งหมดไป
อีกแก๊ง พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ให้ระวังพวก Hybrid Scam หลอกรักชวนลงทุน พวกนี้เป็นแก๊งชาวจีน เริ่มต้นด้วยการสร้างบัญชีทางสื่อสังคมออนไลน์ปลอม ใช้รูปหญิงสาวสวยชาวเอเชีย น่าเชื่อถือ ลักษณะเหมือนนักธุรกิจ เข้ามาเข้ามาทักทายเหยื่อ (เป็นผู้ชายอายุ30ปีขึ้นไปที่เข้าใจระบบการลงทุนออนไลน์) ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน พอเหยื่อหลงเชื่อ หรือหลงรัก คนร้ายจะบอกกับเหยื่อว่า มีธุรกิจใหม่น่าลงทุน ผลตอบแทนสูง เช่น การเทรดค่าเงินต่างประเทศ อ้างว่าได้กำไรแน่นอน ส่งลิงก์แอปพลิเคชันให้เหยื่อติดตั้งในโทรศัพท์ และเริ่มมีการนำเงินมาลงทุน แรกๆ จะได้กำไรจริง ก่อนชักชวนเหยื่อให้เพิ่มวงเงินการลงทุน เมื่อเทรดแล้วได้กำไร การจะนำเงินออกจากระบบต้องจ่ายภาษี 30-40 เปอร์เซ็นต์ เช่น ถ้าลงทุนได้กำไร 1,000,000 บาท ต้องโอนเงินประมาณ 400,000 บาท เข้าระบบก่อน เมื่อเหยื่อโอนเงินเข้าระบบแล้วจะไม่สามารถถอนเงินออกได้ ทำให้เหยื่อหลงเชื่อสูญเงินเป็นจำนวนมาก
สุดท้ายรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติบอกว่า กำลังระบาดหนักเป็นแก๊ง Sextortion หลอกให้ถ่ายคลิปช่วยตัวเองแล้วเอามาแบล็กเมล์ (Blackmail) ส่วนใหญ่คนร้ายเป็นแก๊งชาวฟิลิปปินส์ เริ่มต้นด้วยการสร้างบัญชีทางสื่อสังคมออนไลน์ปลอม ใช้รูปหญิงสาวสวย เซ็กซี่ เข้ามาเข้ามาทักทายเหยื่อ(เป็นผู้ชาย ที่มีหน้าที่การงานมั่นคง มีฐานะดี เป็นที่นับถือในสังคม เป็นคนรักครอบครัว) ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน พอเหยื่อหลงเชื่อจะขอวิดีโอคอล ชักชวนให้เหยื่อถ่ายคลิปวิดีโอช่วยตัวเอง หรือภาพลามกของเหยื่อส่งมาให้ จากนั้นจะบันทึกภาพ หรือคลิปของเหยื่อนำมาข่มขู่เอาเงิน หากไม่ยินยอมจะปล่อยคลิปดังกล่าวสู่สาธารณะ หรือส่งให้ภรรยา ผู้บังคับบัญชา หรือเพื่อนของเหยื่อ เหยื่อต้องจำใจโอนเงินไปให้คนร้ายเพราะไม่อยากเสื่อมเสียชื่อเสียง
ทิ้งท้าย พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ย้ำว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือประชาชน อย่าหลงเชื่อ โอนเงิน ถ่ายคลิปลับ มอบสิ่งขอ กับบุคคลในโลกออนไลน์โดยที่ไม่เคยรู้จัก หรือพบตัวจริงของบุคคลดังกล่าว หรือมีพฤติกรรมดังที่กล่าวไว้ข้างต้น เพราะอาจตกเป็นเหยื่อจากการใช้ความรักมาหลอกลวงได้ หากประชาชนพบว่าบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ใด มีพฤติกรรมในรูปแบบดังกล่าว กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 หรือ สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
