มีข้าราชการระดับสูงบางคนมาต่อรองนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อ้างรัฐมนตรี “ขอพื้นที่” เล่นบ้าง
กลายเป็นเรื่องราวชวนปั่นป่วนยังหาจุดจบไม่พบกับปริศนาการตายของดาราสาวแตงโม-ภัทรธิดา หรือ นิดา พัชรวีระพงษ์ ยืดเยื้อมานานเดือนเศษ
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ถึงกับนอตหลุดจวกการทำงานของคณะกรรมาธิการบางกลุ่มก้าวก่ายภารกิจของตำรวจมากเกินไป
เหมือนจ้องทำลายความน่าเชื่อ ตามที่ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แสดงความเห็นไว้
กระนั้นก็ตาม นายไตรยฤทธ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขึงขังขึ้นมาทันทีด้วยการเรียกคณะแพทย์จากสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ และคณะแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมประชุมชุดที่ทำการชันสูตรศพนักแสดงสาวผู้ล่วงลับเพื่อพิจารณาจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่
เนื่องจากมีบางคนมายื่นเรื่องให้พิจารณาเพื่อถามหาความยุติธรรมให้แตงโม
หรือแค่อยากมีพื้นที่ยืนเหมือนข้าราชการระดับสูงบางคน
ยืนถือไมค์ ไฟส่องหน้า “หิวแสง” ตามนิยามของ “ชาวเน็ต”
ย้อนแย้งความรู้สึกของ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม ที่รู้สึกว่าเรื่องชักจะไปกันใหญ่ ก่อนนัดเผชิญหน้า พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภาในฐานะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ในวันที่เดินทางไปพร้อมทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เพื่อยื่นหนังสือถึง นายสมชาย แสวงการ ประธานคณะกรรมาธิการ
ทว่าอีกฝ่ายเลี่ยงจะมาพบ หลบหน้าหลบตาหายไป
แม่ของแตงโมมีความประสงค์ขอให้ประธานกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เพื่อขอถอดถอนการทำเรื่องคดีแตงโม และสั่งการให้คณะกรรมาธิการบางคน หยุดแทรกแซงการทำงานของตำรวจ
เนื่องจากเห็นว่าหมิ่นเหม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และขอให้ตรวจสอบและสอบสวนเกี่ยวกับคดีแตงโมออกจากกรรมาธิการทันทีตั้งแต่วันนี้
ด้วยเหตุผลว่า มีกรรมาธิการบางคนสัมภาษณ์สื่อมวลชนในทำนองอาจเป็นการแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีการให้สัมภาษณ์และแสดงพฤติกรรมต่อสื่อมวลชนหลายครั้งหลายหน
เริ่มตั้งแต่ ก้าวก่ายการทำงานในหน้าที่ของตำรวจ ใช้อำนาจในการเป็นกรรมาธิการสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ สั่งให้สอบผู้เชี่ยวชาญ สั่งให้นำเข้าเครื่องจับเท็จ ตำหนิเรื่องเก็บเรือของกลางโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ ซึ่งตามข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการทุกขั้นตอนคบถ้วนแล้วก่อนที่จะมาสั่งการ
เอกสารที่ยืนให้นายสมชาย แสวงการ ยังระบุด้วยว่า กรรมาธิการบางคนนำผลผ่าพิสูจน์ศพของแตงโมออกมาพูดให้สัมภาษณ์สื่อโดยมิชอบ เปิดเผยปริมาณแอลกอฮอล์ หยดเลือดที่ผ้าอนามัย ร่องรอยบาดแผลที่ศพ เป็นต้น
ทำให้ประชาชนเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจผิด
มีการสัมภาษณ์สื่อในทำนอง ดิสเครดิต การทำงานของแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ อ้างว่า ประเด็นบาดแผลที่ใบหน้า ถ้าหมอนิติเวชมีความเป็นอิสระ คงออกมาตอบคำถามของสังคมแล้ว ไม่ปล่อยให้สังคมสงสัยแล้วกลายเป็นประเด็น
ทำให้ประชาชนทั่วไปสับสน และขาดความน่าเชื่อถือในการทำงานของแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจและเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สัมภาษณ์สื่อหลายสำนักด้วยว่า “ทนายความดังต่อสายเตือนว่า มีนายตำรวจผู้ใหญ่ไม่ปลื้มเข้ามายุ่งคดีน้องแตงโม” เป็นการให้สัมภาษณ์โดยไม่มีพยานหลักฐานเพื่อเป็นการ ดิสเครดิต เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ข้อเท็จจริงแล้วไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีเลย
อ้างหลักการเปิดเผยข้อมูลทางนิติวิทยาศาสตร์ของต่างประเทศที่ยังไม่มีการรับรองตามกฎหมาย หรือระเบียบข้อบังคับการใดในประเทศไทย หากต้องการผลักดันให้ถูกต้อง ก็ควรผลักดันให้ออกมาเป็นกฎหมายต่อไป ไม่ควรนำมาอ้างทำให้เกิดความสับสนต่อประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
สุดท้ายกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ “เตะถ่วง” ไม่ยอมส่งศพเพื่อผ่าพิสูจน์รอบสอง ณ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งศพพร้อมหนังสือแจ้งไปยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เพื่อเก็บรักษาไว้ระหว่างรอมติของคณะกรรมการกำกับการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ให้ทำการผ่าพิสูจน์อีกครั้งตามกฎหมายก่อนที่จะดำเนินการได้
การกระทำดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับความเสียหาย
“ข้าพเจ้าขอยกเลิกหนังสือมอบอำนาจหรือหนังสือยินยอมให้แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ และนายเต๊ะ-ศตวรรษ เศรษฐกร เข้าร่วมในการสังเกตการณ์การชันสูตรพลิกศพน้องแตงโมของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม”
ระบุด้วยว่า ไม่อนุญาตให้บุคคลทั้งสองนำผลการชันสูตรพลิกศพมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหรือสาธารณะ
เนื่องจากจะทำให้รูปคดีของตำรวจเสียหาย