ว่าที่อัยการสาวแสดงทัศนะคดีอาชญากรรมทางเพศ

 

น.ส.กนกรัตน์ ธรรมพนิชวัฒน์ ว่าที่อัยการผู้ช่วยรุ่นที่ 62 เจ้าของเพจเฟซบุ๊กเกี่ยวกับการให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย “Biedie Karnokrut Thampanichawat” โพสต์ระบุข้อความเกี่ยวกับคดีทางเพศไว้อย่างน่าสนใจว่า ผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร และไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรมในรูปแบบได้ ไม่ต้องขอโทษ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของผู้เสียหายเลย อย่าโทษตัวเอง และไม่ต้องอายที่จะพูดมันออกมา เพื่อที่จะให้ผู้ก่ออาชญากรรมได้รับโทษ แต่ถ้าไม่อยากจะพูดถึงมัน ก็ไม่เป็นไรเลย หรือจะพูดหลังเวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ได้ ความรู้สึกและความต้องการของเหยื่อสำคัญที่สุด

เจ้าตัวระบุต่อว่า กระบวนการยุติธรรมจะต้องมีกระบวนการที่รองรับและสนับสนุนผู้เสียหายในการที่จะเอาผิดผู้กระทำความผิด ไม่เป็นการทำร้ายผู้เสียหายซ้ำ ๆ เจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมจะต้องเข้าใจธรรมชาติของอาชญากรรมทางเพศ และไม่ถามคำถามที่กระทบจิตใจผู้เสียหายที่ในปัจจุบันยังไม่ดีพอ สังคมไม่จำเป็นต้องเชื่อผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางเพศในทันทีทุกกรณี แต่สิ่งที่ต้องไม่ทำ คือ การโทษเหยื่อ (victim blaming) โทษว่าเป็นความผิดของผู้เสียหาย หรือผู้เสียหายมีส่วนในการกระทำความผิด เป็นการสนับสนุนผู้กระทำผิดทางอ้อม ลดทอนความร้ายแรงของอาชญากรรม รวมถึงด้อยค่าผู้เสียหาย

ตัวอย่างของการโทษเหยื่อ (victim blaming) ว่าที่อัยการผู้ช่วยชี้ให้เห็นได้บ่อย ๆ ในสังคมไทย คือ การเอาค่านิยมบางอย่างมากดทับผู้เสียหาย เช่น การแต่งตัวโป๊ (คนเราจะแต่งตัวแบบไหนก็ได้ อย่าเอามาเป็นข้ออ้างทุเรศ ๆ ในการทำผิด) การไปในที่เปลี่ยว 2 ต่อ 2 (ต่อให้จะอยู่ในห้อง 2 ต่อ 2  ก็ไม่มีสิทธิล่วงละเมิดทางเพศ ถ้าฝ่ายหญิงไม่ยอม) การประกอบอาชีพบางอย่าง (การทำงานบริการทางเพศ ไม่ว่าจะขายบริการ เด็กเอน ขายคลิป ขายรูป ขอบเขตงานอยู่แค่ไหน ทำได้แค่นั้น ทำนอกเหนือจากนั้น เป็นอาชญากรรม)  เพศ (เรื่องเพศที่ก็เหมือนกัน ไม่ว่าผู้เสียหายหรือผู้กระทำความผิดจะเป็นเพศอะไร อย่าเอาอคติทางเพศมาตัดสิน) ความน่าเชื่อถือทางสังคม (อย่าเอาปัจจัยตัวบุคคลมาเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ว่าจะมีหน้าตาทางสังคม หน้าตาดี มีอาชีพการงานที่ดี หรืออื่น ๆ ก็ไม่เกี่ยว บางครั้งคนเหล่านี้มีโอกาสกระทำความผิดมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ และมีโอกาสรอดมากกว่าคนอื่นด้วย)

RELATED ARTICLES