ว่าด้วย “ปรัชญาชีวิต” เรื่องราวแฝงไปด้วยข้อคิดที่ต้องขอขอบคุณผู้เขียนบทความ
แต่ไม่ได้เอ่ยนาม
“มันเป็นแค่ความเห็น ผมไม่ได้ไปทำร้ายใคร”
การซุบซิบมันเป็นแค่ความเห็น ไม่ได้ไปทำร้ายใคร แต่มันเลวร้ายกว่าการขโมย เพราะมันขโมยศักดิ์ศรี ชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือของคนอื่น ซึ่งเขาไม่อาจกู้กลับคืนมาได้
ชายชราคนหนึ่งปล่อยข่าวว่าเพื่อนบ้านเป็นขโมยจนทำให้ชายหนุ่มถูกจับ หลายวันต่อมา เมื่อได้พิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธิ์ ชายหนุ่มได้รับการปล่อยตัว และตัดสินใจฟ้องร้องชายชราที่กล่าวหาเขาผิด ๆ
ในศาล ชายชราขอความเห็นใจผู้พิพากษา
“มันเป็นแค่ความเห็น ผมไม่ได้ไปทำร้ายใคร”
ผู้พิพากษาสั่งชายชรา “เขียนคำพูดทั้งหมดที่เจ้าพูดเกี่ยวกับเขาลงในกระดาษ ตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ โปรยออกจากหน้าต่างรถระหว่างทางกลับบ้าน แล้วกลับมาฟังคำตัดสินพรุ่งนี้”
วันรุ่งขึ้น ผู้พิพากษากล่าวกับชายชรา
“เจ้าจงไปเก็บเศษกระดาษที่โปรยไว้เมื่อวานกลับมาก่อน แล้วค่อยฟังคำตัดสิน”
“ศาลที่เคารพ ผมจะทำได้อย่างไร ป่านนี้ลมคงพัดเศษกระดาษกระจายไปทั่ว ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันปลิวไปไหนบ้าง” ชายชราประท้วง
ผู้พิพากษาตอบว่า “ในทำนองเดียวกัน คำพูดหรือความเห็นธรรมดา สามารถทำลายชื่อเสียงของคนๆ หนึ่งถึงขั้นที่คนๆ นั้นไม่สามารถกู้คืนได้ ถ้าพูดดีเกี่ยวกับคนอื่นไม่ได้ ก็จงอย่าพูดอะไรเลย”
ผู้พิพากษาหยุดชั่วครู่ ก่อนกล่าวต่อ
“การซุบซิบเลวร้ายกว่าการขโมยทรัพย์สิน เงินทอง เพราะมันขโมยศักดิ์ศรี ชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือของคนอื่น ซึ่งเขาไม่อาจกู้กลับคืนมาได้”
เมื่อเท้าเจ้าก้าวพลาด ยังกลับมาทรงตัวได้ใหม่
แต่เมื่อลิ้นเจ้าพลาด พูดจาพล่อยๆ ออกไป เจ้าไม่มีวันเอาคำพูดของเจ้าคืนมาได้เลย
เปรียบเหมือน 3 สิ่งในชีวิตที่ไม่สามารถเรียกร้องให้กลับมาได้
สิ่งแรก คือ คำพูด
เคยบ้างไหมบางครั้งที่เราต้องการพูดอะไรสักอย่างที่อยากพูดมากมาย แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เราจะพูดก็ไม่ได้พูดขึ้นมา
เป็นเพราะอะไรหรือ
และบางครั้งคำพูดบางสิ่งบางคำเราเองก็ไม่อยากพูด แต่ดันพูดขึ้นมาเฉย จนบางครั้งยังคิดอยู่เลยว่า เราพูดอะไรที่ทำลายจิตใจคนที่เราพูดด้วยกันหรือเปล่า
สิ่งนี้แหละที่เราเองและใครคนอื่นก็ไม่สามารถที่จะย้อนเวลาให้กลับไปแก้ไขอะไรต่อมิอะไรมากมาย
อย่างที่สอง คือ เวลา
อย่างที่บอกว่า โลกเรามันช่างโหดร้าย ไม่ยุติธรรม พอเราโทษใครคนไหนไม่ได้แล้วก็ย่อมที่จะหาเหตุผลที่จะโทษใครสักคน แล้วสิ่งนั้นไม่พ้น “โชคชะตา” คนบนฟ้า หรือแม้กระทั่ง “เวลา” ที่เราได้เสียไปไม่กี่วินาทีนี่เอง
ทำไมเราไม่โทษตัวเราเอง
เพราะตัวเราเองมิใช่หรือที่เป็นคนก่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด
แล้วเราจะไปโทษใครคนอื่น หรือโทษสิ่งที่ไม่มีใครสักคนที่จะเห็นมัน
เคยหลายครั้งด้วยที่อยากจะย้อนเวลาไปในอดีตเพื่อที่จะแก้ไขในสิ่งที่เราได้ทำลงไปว่า ตอนนั้นไม่น่าจะทำอย่างนั้นออกไปเลย
สุดท้าย คือ โอกาส
มันเป็นสิ่งที่ใครหลายคนต้องการ แต่มันขึ้นอยู่ที่ตัวเราเองนั่นแหละว่าจะสร้างมันขึ้นมาได้หรือเปล่า
หากเราทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้ว เราก็คงไม่อยากได้โอกาสจากใคร หรือจากตัวเราเอง จงคิดไว้เสมอว่า โอกาสมันเกิดขึ้นและมีไว้สำหรับคนที่พร้อมจะรับมันเท่านั้น
แต่คุณย่อมที่จะให้โอกาสใครที่คุณรักเสมอ เพียงเพราะคำว่า “รัก” เท่านั้น กลัวว่า วันหนึ่งเขาคนนั้นจะจากคุณไปจึงพูดเสมอว่า “ฉันให้โอกาสเธออีกครั้ง”
แล้วมันก็จะมีเช่นนี้ไปตลอด เพราะว่า คุณเคยให้เขาไปแล้ว ครั้งหน้าเขาย่อมที่จะคิดว่า คุณต้องให้อภัยเขาอีก
ขอบคุณบทความดีใน “ปรัชญาชีวิต” ที่ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง