ได้รับโอกาสเดินทางไปศึกษาดูงานในการปฏิบัติหน้าที่และการใช้อาวุธปืนตามหลักยุทธวิธีในสถานการณ์จริงของเจ้าหน้าที่ตำรวจภาคสนามเมืองดัลลัส มลรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 หัวหน้าคณะครูฝีกนักเรียนนักสืบตามโครงการอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญารุ่นพิเศษ 5 G เก็บเกี่ยวประสบการณ์และความรู้ที่ได้รับมาพัฒนา ปรับปรุง และนำมาประยุกต์ ปรับใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนในหน่วยให้เกิดประสิทธิผลและประสิทธิภาพสูงสุด
จุดเริ่มต้นของ โครงการทดสอบยิงปืนทางยุทธวิธีก่อนออกปฏิบัติหน้าที่จริงเจ้าหน้าที่ภาคสนาม (Real Situate Shooting : R.S.S.) ของกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2
ถอดบทเรียนคนร้ายคดียาเสพติดก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง ด.ต.ชิน เก่งศิริ จนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรพานทอง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2564 และคนร้ายคลั่งใช้อาวุธปืนไล่ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทราได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2564
เป็นไปตามนโยบาย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ได้เล็งเห็นและตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาประสิทธิภาพของข้าราชการตำรวจสายงานป้องกันปราบปรามและสายงานสืบสวนให้มีทักษะความรู้ความสามารถในการใช้ยุทธวิธีในการเข้าระงับเหตุอย่างมีประสิทธิภาพ
ผสมผสานองค์ความรู้จากโครงการฝึกอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญารุ่นพิเศษ 5G ประจำปีงบประมาณ 2565 และไปศึกษาดูงานตำรวจเมืองดัลลัส มลรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อนำองค์ความรู้ด้านต่าง ๆ มาพัฒนางานสืบสวนในการบังคับใช้กฎหมายและรักษาความมั่นคงของประเทศ
จากการศึกษาดูงานพบว่าสำนักงานตำรวจเมืองดัลลัส ให้ความสำคัญในเรื่องการเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องปฏิบัติงานภาคสนามเกี่ยวกับทักษะการตัดสินใจใช้กำลัง การใช้อาวุธปืนก่อนที่จะไปปฏิบัติหน้าที่จะต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบตามระบบของหน่วยทุกนาย เพื่อสร้างความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ประชาชน ตลอดจนผู้ก่อเหตุ
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ เห็นว่า มีประโยชน์ต่อทางราชการในการที่จะจัดทำเป็น “คู่มือ” หลักสูตรมาตรฐานให้แก่ข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ที่จะต้องมีหน้าที่ใน ชุดปฏิบัติการภาคสนามไว้
ก่อนจัดตั้งคณะทำงานในการจัดทำ โครงการทดสอบยิงปืนทางยุทธวิธีก่อนออกปฏิบัติหน้าที่จริงเจ้าหน้าที่ภาคสนาม ยิงปืนระบบการยิงต่อสู้ในสถานการณ์จริง (Real Situate Shooting : R.S.S.) ไว้เพื่อเป็นหลักสูตรมาตรฐาน สำหรับใช้ทดสอบประเมินข้าราชการตำรวจชุดปฏิบัติงานภาคสนาม
จัดสถานีทดสอบการยิงปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ออกแบบให้ใกล้เคียงกับสถานการณ์ที่ต้องมีการใช้อาวุธปืนเสมือนจริง ใช้ทักษะที่หลากหลายในการใช้อาวุธปืน กฎความปลอดภัยในการใช้ปืนขณะเคลื่อนที่ การยิงหลังที่กำบัง การใช้มือข้างที่ถนัด ไม่ถนัด การลดเป้าหมาย การยิงเป้าเพลทเหล็ก และการแบกยางกลับจุดปลอดภัย
ในการทดสอบได้กำหนดเวลามาตรฐานไว้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการใช้อาวุธปืนให้กับข้าราชตำรวจที่เข้ารับการทดสอบ
การจัดสถานีทดสอบ เริ่มต้นเมื่อผู้ควบคุมการยิงสั่งว่า “เริ่ม” (เริ่มจับเวลา) ให้ผู้ทำการยิง
– เคลื่อนที่จากจุด START ไปยังสถานีวิ่งทางข้าง เพื่อทำการวิ่งทางข้าง จำนวน 5 รอบ
– จากนั้น เคลื่อนที่ไปยังสถานีม้วนเชือก เพื่อทำการม้วนเชือก จำนวน 5 รอบ
– จากนั้น เคลื่อนที่ไปยังสถานีวิ่งเลขแปด เพื่อทำการวิ่งเลขแปด จำนวน 5 รอบ
– จากนั้น เคลื่อนที่ไปยังสถานีดันพื้น เพื่อทำการดันพื้น จำนวน 10 ครั้ง
ถัดจากนั้นให้ผู้ทำการยิงเคลื่อนที่ไปยังจุดที่กำหนดให้ นำพาล้อยางบัดดี้ไปวางครอบกรวย แล้วเคลื่อนที่กลับมายังจุดที่จะเริ่มทำการยิง
ผู้ควบคุมการยิง จะสั่งการว่า “คนร้าย 12 นาฬิกา” เสร็จสิ้นคำบอกคำสั่ง ให้ผู้ทำการยิงพูดว่า “หยุดนี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ วางปืน” จากนั้นให้ยิงเป้าเพลทเหล็ก ระยะ 15 หลา จำนวน 2 นัด
จากนั้น เคลื่อนที่ไปด้านขวาเพื่อเข้าสู่ที่กำบังและทำการยิงเป้ากระดาษ ด้านซ้าย-ขวา ด้านละ 2 นัด ในท่าคุกเข่าสูง
ตามด้วย ทำการไฮ-พอทต์ปืน เคลื่อนที่ไปทางด้านขวาเพื่อเข้าสู่ที่กำบังและทำการยิงเป้ากระดาษ ด้านซ้าย-ขวา เป้าละ 2 นัด เสร็จแล้วให้ทำการรีโหลดตามเงื่อนไขที่กำหนด
สำหรับปืนในเงื่อนไขการบรรจุ 10 นัด ให้ทำการคอมแบท รีโหลด ( Combat Reload) ณ จุดนี้ เสร็จแล้วทำการตรวจเป้าหมาย ตรวจพื้นที่ เก็บปืนใส่ซอง สวมเสื้อเกราะกันกระสุน
สำหรับปืนในเงื่อนไขการบรรจุ 15 นัด ให้ทำการแทคติคอล รีโหลด (Tactical Reload) ณ จุดนี้ เสร็จแล้วทำการตรวจเป้าหมาย ตรวจพื้นที่ เก็บปืนใส่ซอง สวมเสื้อเกราะกันกระสุน
เคลื่อนที่ไปยังบริเวณหน้าประตูด้วยท่าตรวจการเป้าหมาย เพื่อเปิดประตูและทำการยิงแบบควอเตอร์ริง (Quarter Ring) เริ่มจากเป้ากลางห้องและเป้าซ้ายมือ ตามลำดับ เป้าละ 2 นัด
ยิงประกอบการเคลื่อนที่ เป้าที่อยู่ตรงกลางประตูจำนวน 2 นัด แล้วรีบเข้าสู่ที่กำบังในจุดถัดไป
ยิงประกอบไฟฉาย (Flashlight Technique) หลังที่กำบัง
ปืนในเงื่อนไขการบรรจุ 10 นัด กรณีผู้ยิงที่ถนัดมือขวา ให้ยิงท่าเน็คอินเด็กซ์ (Neck index Technique) ทางด้านขวา จำนวน 2 นัด เสร็จแล้ว ขยับมายิงท่าเอฟบีไอ (FBI Technique) ทางด้านซ้าย จำนวน 2 นัด เสร็จแล้วทำการคอมแบท รีโหลด ก่อนให้ผู้ยิง “ตรวจเป้าหมาย ตรวจพื้นที่” ต่อด้วยการยิงประกอบการเคลื่อนที่ในท่าแฮร์ริส (Harries Technique) จำนวน 2 นัด แล้วรีบเข้าสู่ที่กำบังในท่าคุกเข่าสูง
กรณีผู้ยิงที่ถนัดมือซ้าย ให้ยิงท่าเน็คอินเด็กซ์ (Neck index Technique) ทางด้านซ้าย จำนวน 2 นัด เสร็จแล้ว ขยับมายิง ท่าเอฟบีไอ (FBI Technique) ทางด้านขวา จำนวน 2 นัด เสร็จแล้วทำการคอมแบท รีโหลด จากนั้นให้ผู้ยิง “ตรวจเป้าหมาย ตรวจพื้นที่” ต่อด้วยการยิงประกอบการเคลื่อนที่ในท่าแฮร์ริส (Harries Technique) จำนวน 2 นัด แล้วรีบเข้าสู่ที่กำบังในท่าคุกเข่าสูง
ปืนในเงื่อนไขการบรรจุ 15 นัด กรณีผู้ยิงที่ถนัดมือขวา ให้ยิงท่าเน็คอินเด็กซ์ (Neck index Technique) ทางด้านขวา จำนวน 2 นัด เสร็จแล้ว ขยับมายิงท่าเอฟบีไอ (FBI Technique) ทางด้านซ้าย จำนวน 2 นัด ต่อด้วยการยิงประกอบการเคลื่อนที่ในท่าแฮร์ริส (Harries Technique) จำนวน 2 นัด แล้วรีบเข้าสู่ที่กำบังในท่าคุกเข่าสูง
กรณีผู้ยิงที่ถนัดมือซ้าย ให้ยิงท่าเน็คอินเด็กซ์ (Neck index Technique) ทางด้านซ้าย จำนวน 2 นัด เสร็จแล้ว ขยับมายิงท่าเอฟบีไอ (FBI Technique) ทางด้านขวา จำนวน 2 นัด ต่อด้วยการยิงประกอบการเคลื่อนที่ในท่าแฮร์ริส (Harries Technique) จำนวน 2 นัด แล้วรีบเข้าสู่ที่กำบังในท่าคุกเข่าสูง
ให้ผู้ยิงเก็บไฟฉายและลุกขึ้นยิงในรูปแบบโมแซมบิก (Mozambique) 2 นัดที่ตัว 1 นัดที่ศีรษะ
กรณีปืนในเงื่อนไขการบรรจุ 10 นัด เมื่อยิงเสร็จ ให้เคลื่อนที่ไปยังจุดถัดไป ด้วยการตรวจการเป้าหมาย
กรณีปืนในเงื่อนไขการบรรจุ 15 นัด เมื่อยิงเสร็จ ให้นั่งลงหลังที่กำบัง ทำการราพปิด รีโหลด (Rapid Reload) เสร็จแล้วจึงจะลุกขึ้นและเคลื่อนที่ไปยังจุดถัดไป ด้วยการตรวจการเป้าหมาย
หลังจากนั้น ยิงเพลทเหล็ก จำนวน 5 เพลท เสร็จแล้วเก็บปืนใส่ซองและนำพาล้อยางบัดดี้ กลับไปยังจุดที่กำหนดให้ จึงจะทำการหยุดเวลาและเป็นอันเสร็จสิ้นการยิง
ระหว่างการยิง ครูฝึกจะคอยเซฟตี้และให้คำแนะนำทุกขั้นตอน
ข้อห่วงใย ก่อนยิง
- ควรทบทวนท่าทางการใช้ไฟฉาย
- การยิงด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด
- ท่าทางการคอมแบท รีโหลด และการแทคติคอล รีโหลด
- ท่าทางการไฮ-พอทต์ปืน ขณะเคลื่อนที่
ถือเป็น “ต้นแบบ” ของการฝึกยุทธวิธีให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานสามารถนำไปใช้ในสถานการณ์จริง ทำให้เกิดโครงการทดสอบยิงปืนทางยุทธวิธีก่อนออกปฏิบัติหน้าที่จริงตามตำราจากประเทศสหรัฐอเมริกา
มุ่งฝึกอบรมข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ในสายงานสืบสวนและงานป้องกันปราบปรามในสังกัดกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ตั้งแต่ระดับ ผู้บังคับหมู่ – ผู้กำกับการ จำนวนทั้งสิ้น 120 นาย และข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ชุดปฏิบัติการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ชุดที่ 5) อีก 20 นาย
ผู้เข้าฝึกอบรมทุกนายจะต้องเข้าทำการทดสอบ “ผ่านเกณฑ์” ตามขั้นตอนและวิธีการดำเนินการตามหลักสูตรนี้ จึงถือว่าเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติในการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่รับผิดชอบจริงเท่านั้น หากผู้เข้ารับการฝึกอบรมทดสอบ “ไม่ผ่าน” จะต้องทดสอบใหม่
การฝึกอบรมแบ่งเป็น 2 ช่วง ภาคทฤษฎี และ ภาคสนาม
ผลที่คาดว่าจะได้รับ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ มั่นใจว่า ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะสามารถนำความรู้ไปปฏิบัติงานและนำไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัยทั้งต่อตนเอง เพื่อนร่วมงาน และประชาชน
ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีหลักการปฏิบัติทางยุทธวิธีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ “ผู้เผชิญเหตุคนแรก” การตัดสินใจใช้กำลังได้อย่างถูกต้อง สมสัดส่วน และมีความปลอดภัยทั้งต่อตนเอง เพื่อนร่วมงาน และผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์
ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ประจำกายได้อย่างชำนาญและมีประสิทธิภาพ
ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีทักษะในการใช้อาวุธปืนประจำกายได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย สามารถประเมินสถานการณ์ และมีความพร้อมในการแก้ไขเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นจากการต่อสู้ขัดขวางการตรวจค้น การจับกุม หรือระหว่างที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพปลอดภัย
เสริมเขี้ยวเล็บ “ฉลามร้าย” ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกให้พร้อมไล่ล่าขย้ำเหล่าร้ายทุกรูปแบบ