พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ PCT: Police Cyber Taskforce พร้อมด้วย พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้ช่วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธ์ุ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมแถลงผลการจับกุมรวบแก๊งจีนไต้หวัน หลอกลงทุนคริปโตเคอเรนซีใช้ไทยเป็นฐานปฏิบัติการ มีผู้เสียหายชาวจีน และไต้หวันกว่า 500 ราย
ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบาย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้เร่งปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน รวมทั้งกลุ่มคนต่างชาติที่เข้ามาแฝงตัวก่ออาชญากรรมในประเทศไทย มี ชุดปฏิบัติการที่ 1 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ร่วมกับ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตรวจพบชาวจีนไต้หวันกลุ่มหนึ่งมีพฤติการณ์น่าสงสัย เนื่องจากเข้ามาด้วยวีซ่าทำงานในมูลนิธิการกุศล แต่กลับจะเดินทางไปเที่ยวเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่า ในกลุ่มคนดังกล่าวมีบุคคลที่มีหมายจับจากต่างประเทศ 2 คน ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชนผ่านโทรศัพท์และระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต”
ชุดสืบสวนเฝ้าติดตามจนทราบว่า คนกลุ่มนี้พักอาศัยอยู่ตึกแถวในเขตประเวศ กรุงเทพมหานคร เก็บตัวอยู่แต่ภายในตึกทั้งวันทั้งคืนไม่ออกไปไหนเป็นที่น่าสงสัย ตำรวจชุดจับกุมได้นำหมายค้นศาลอาญาพระโขนง เข้าตรวจค้นก่อนจับกุมผู้ต้องหาชาวไต้หวัน 6 ราย ของกลางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 7 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 45 เครื่อง ตรวจสอบข้อมูลในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและโทรศัพท์มือถือพบพฤติการณ์ร่วมกันหลอกลวงเหยื่อชาติเดียวกันในรูปแบบหลอกให้ร่วมลงทุนเหรียญสกุลเงินดิจิทัล และรับแลกเปลี่ยนเงินผิดกฎหมาย มีการแบ่งหน้าที่กันทำและใช้บัญชีธนาคารสัญชาติจีนเป็นเส้นทางการเงินในการกระทำความผิด
