พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งการ พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ นำกำลังประกอบด้วย พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ต.อ.ราม รสหอม ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจน้ำ พ.ต.อ.นิรัตน์ ช่วยจิตต์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจน้ำ พ.ต.ท.เกริก เสนาะสำเนียง สารวัตรกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ต.ท.วรรณา อินเชื้อ สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจน้ำ พ.ต.ต.นิวัติ เฉ่งไล่ สารวัตรกองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจน้ำ นำกำลังจับกุม นายบุญธรรม ทองอนันต์ อายุ 52 ปี ไต๋เรือปราบสมุทร 39 ได้ที่ ท่าเรือเจ้าพระยากิจประมง เทศบาลบางปูท้ายบ้าน หมู่ 6 ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมืองสมุทรปราการ
สืบเนื่องจากตำรวจสอบสวนกลางกระจายกำลังเปิดยุทธการ “เรือมนุษย์” กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายสำคัญ 6 จุด ในหลายพื้นที่กวาดล้างจับกุมผู้ต้องหาขบวนการค้ามนุษย์ หลังพบว่ามีการหลอกลวงบังคับใช้แรงงานบนเรือประมงน่านน้ำประเทศมาเลเซียทำกันเป็นกลุ่มขบวนการ เริ่มตั้งแต่ กลุ่มนายหน้า จัดหาเหยื่อส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างจังหวัดนั่งรถไฟเข้ามาหางานทำในกรุงเทพมหานคร อ้างว่าจะพาไปทำงานได้รับค่าตอบแทนสูง ก่อนพาไปส่งต่อให้กับเจ้าของเรือประมงแห่งหนึ่งในสมุทรสาคร กลุ่มนายหน้าจะได้ค่าตอบแทน คิดเป็นเงิน 50,000 บาท ต่อแรงงาน 1 คน
จากนั้นเจ้าของเรือประมงจะนำแรงงานเหล่านี้ลงเรือประมงล่องออกสู่อ่าวไทย ก่อนแอบลักลอบออกนอกเขตน่านนำไทยไปทำประมงในเขตน่านน้ำมาเลเซีย ระหว่างที่อยู่บนเรือจะมีไต้ก๋งเรือคอยควบคุมและบังคับให้แรงงานเหล่านี้อย่างหนักเป็นเวลาต่อเนื่องติดต่อกัน พักวันละไม่เกิน 4 ชั่วโมง พร้อมกับนำยาเสพติดมาให้เสพจนติดใช้เป็นข้อต่อรองให้ยอมอยู่ในความควบคุม หากคนใดไม่ยอมทำตามก็จะถูกทำร้ายทุบตี ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องนำมาสู่การเปิดยุทธการติดตามจับกุมผู้ต้องหาขบวนการจนเกือบครบทั้งหมด คงเหลือเพียงผู้ต้องหารายนี้ที่ทำหน้าที่เป็นไต้กงเรือปราบสมุทร 39 ยังอยู่ระหว่างหลบหนี จากการสอบสวนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่า ช่วงเวลานั้นทำหน้าที่เป็นไต้ก๋งเรือลำดังกล่าวจริง แต่เป็นการมาทำแทนไต้ก๋งเรือคนเก่า ขณะที่ทำหน้าที่ไต้ก๋งเรือไม่เคยทำร้ายลูกเรือ หรือบังคับเสพยา
