พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติฉบับปฏิรูปตำรวจ ฉบับใหม่แกะกล่อง จะแก้ปัญหาความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายทลายขวัญกำลังใจตำรวจผู้ปฏิบัติส่วนใหญ่ที่ “ไร้เส้นสาย” ได้จริงหรือ
คงต้องรอไปอีกปีกว่าจะนำ “กฎเหล็ก” มาบังคับพิจารณา “กฎเกณฑ์” เงื่อนไขในการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี
ท่ามกลางความหวังของกำลังพลกองทัพทุ่งปทุมวัน
“ตำรวจไทยเก่งเยอะ แต่อยู่ผิดที่ผิดทาง” นายตำรวจบางคนแสดงความเห็น
เหตุเพราะไม่มีการจัดระบบให้เลือกเดิน
“ความเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มีความสำคัญมาก ทว่าแต่ละสายงาน ย้ายไปมามั่วไปหมด สืบสวนไปสอบสวน สอบสวนไปปราบปราบ ส่วนปราบปรามไปสืบสวน ไปอำนวยการ” เขาว่า
ไม่ได้ตามความรู้ แต่เพราะตามเส้นสาย
เจ้าตัวเสียดายพวกจบเนติบัณฑิตยสภา จบคอมพิวเตอร์ ระดับเขียนโปรแกรมได้ ผ่านหลักสูตรจู่โจม มีดีกรีนักวิทยาศาสตร์ ต้องย้ายเพื่อเอาตำแหน่งกับโดนย้ายตามเส้นสาย
ไม่ได้ใช้งานให้คุ้มกับที่สอบคัดตัวเข้ามาเป็นตำรวจ
“น้องเก่ง ๆ ที่มีช่องทาง ลาออกกันไปเยอะแล้ว เหลือรุ่นใหญ่ ๆ ไปไหนลำบาก เพราะเหลือเวลาไม่มาก”
นายตำรวจระดับหัวหน้าโรงพักคนเดียวกันมองว่า หลักอาวุโสเป็นอีกเรื่องที่ทำให้การบริหารงานบุคคลล้มเหลว ต่างจากในอดีตใครเป็นตำรวจก่อน มีอายุราชการมากกว่า อาวุโสกว่า ไม่ว่าจะจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ หรือปริญญาจากมหาวิทยาลัย
ปัจจุบัน ใครขึ้นตำแหน่งก่อน ได้อาวุโสก่อน
ทำให้เกิดการที่ผู้บังคับบัญชาหน่วย อายุน้อยลง โตเร็ว ประสบการณ์น้อย
“เปรียบเทียบกับตัวอย่างกองทัพทหาร ไม่มีข้ามหัวรุ่นพี่ วัดอาวุโส ดูจากการรับราชการ ถ้าเท่ากันดูอายุ ถ้าเท่ากัน ดูเงินเดือน ยุติธรรมดี”
ผิดกับองค์กรตำรวจ ใครขึ้นตำแหน่งระดับเดียวกันก่อน ถ้าเท่ากันดูตำแหน่งถัดลงไป ใครโตเร็วได้เปรียบ
กลายเป็น “ปิรามิดกลับหัว”
หัวโตขาลีบ แขนไม่มีแรง
“ปัญหาถึงมีให้เห็นในปัจจุบัน ไม่ค่อยมีคนอยากทำงานเต็มที่”
เต็มไปด้วยนายอายุน้อย ระดับผู้กำกับอายุไม่ถึง 40 ปี
ตัวเขาได้แต่ทำใจรอดูความเปลี่ยนแปลงด้วยความหวัง
