ผ่านไปหลายวันคดีไม่มีทีท่าความคืบหน้าเนื่องจากไม่ได้เป็นข่าวครึกโครม
นายชอบใจ เศรษฐวัชราวนิช วัย 65ปี เจ้าของร้านทองพรสุพรรณ(เยาวราช ) ภายในห้างเทสโก้โลตัส สาขาพัฒนาการ ถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร ต้องร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเพราะหวั่นเรื่องเงียบ
ลำดับเหตุการณ์เมื่อประมาณวันที่ 9 กรกฎาคม 2565 เวลาประมาณ 19.30 น. ในค่ำที่ฝนตกหนักใกล้เวลาร้านปิด ภายในร้านมีพนักงานขาย 5 คนเป็นหญิงทั้งหมด จู่ ๆ ปรากฏร่างคนร้ายเป็นชายลักษณะวัยรุ่น สวมเสื้อคลุมสียาวสีดำ มีฮู้ด กางเกงวอร์มขายาว สีเทาดำ สวมหมวกแก็ปสีขาวดำ และใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า สะพายกระเป๋าเป้สีเทาที่ไหล่ซ้ายข้างเดียว
มือขวาถือปืน สีดำ ใช้ผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าพันปืน เห็นแค่ปลายกระบอกปืน เดินเข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานหญิงหน้าร้าน
พูดเสียงดังเป็นภาษากลางให้ “ส่งทองมา ให้เวลานับ 1-10”
พนักงานสาวต่างหวาดผวารีบส่งทองรูปพรรณให้คนร้าย มี สร้อยคอทองคำ 6 เส้น หนักเส้นละ 3 บาท และสร้อยคอมือทองคำ หนัก 1 บาท 27 เส้น รวม 33 เส้น หนักรวม 45 บาท มูลค่า 1.5 ล้านบาท
คนร้ายยัดทองใส่ในกระเป๋าสะพายวิ่งออกจากห้าง ใช้เวลาก่อเหตุประมาณ 1 นาที กล้องวงจรปิดในร้านบันทึกภาพไว้ชัดเจน ขณะคนร้ายวิ่งหลบหนีไปขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า ซูเมอร์เอ็กซ์ สีเทา ไม่ทราบทะเบียน ที่จอดหน้าห้างไปทางแยกพัฒนาการ
เจ้าของร้านอยากให้ตำรวจจับคนร้ายมาดำเนินคดีและนำทรัพย์สินมาคืนให้ได้มากที่สุด
เข้าใจในการทำงานของตำรวจ แต่กลัว เรื่องเงียบหาย เพราะไม่มีสื่อคอยกระตุ้น
หารู้ไม่ว่า ตำรวจแกะรอยตามล่าอยู่ตั้งแต่วันเกิดเหตุ ตามคำสั่ง พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 มอบหมาย พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 5 ประสานข้อมูล พ.ต.อ.สมศักดิ์ มงคลคุณากร ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลคลองตัน
ไม่ได้นิ่งนอนใจ เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ
พวกเขาเริ่มต้นจากกล้องวงจรปิดไล่จนไปเจอรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายนำไปจอดทิ้งซอยพัฒนาการ 51 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร แล้วไปโบกรถแท็กซี่หลบหนี
“มันเป็นรถขโมยมา” ตำรวจสืบสวนแทบหมดหวัง
“ไม่เป็นไร พยายามเก็บรายละเอียดและดีเอ็นเอไว้” พ.ต.อ.จิรกฤตคุมเกม
หลังจากไล่ติดตามโชเฟอร์แท็กซี่มาสอบปากคำยืนยันรับชายต้องสงสัยทำทีเหมือนช่างทาสีให้ไปส่งย่านลาดพร้าว แต่ขอลงกลางทาง
เมื่อตามไล่กล้องวงจรปิดอย่างละเอียดอยู่หลายวันพบพฤติกรรมคนร้ายวางแผนอย่างดี เปลี่ยนเสื้อผ้าระหว่างหลบหนีอำพรางตัวเอง เลี่ยงในการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลด้วยการสวมถุงมือตลอดเวลา และสวมแมสก์ปิดบังใบหน้า
กระนั้นก็ตาม ไม่อาจรอดพ้นสายตาของชุดสืบสวนที่ไล่กล้องวงจรปิดเห็นผู้ต้องสงสัยเข้าบ้านพักย่านลาดพร้าว-วังหิน เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร หลังเล่นเกมลวงหลอกล่อเปลี่ยนรถแท็กซี่ถึง 4 ทอด
นักสืบนครบาลเข้าค้นห้องพักตอนที่ผู้ต้องสงสัยไม่อยู่นำหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ไปตรวจเปรียบเทียบดีเอ็นเอจากรถจักรยานยนต์ที่ขโมยมา ทำให้รู้ตัวคนร้ายคือ นายประภากร หรือ กร ศรีสมบูรณ์ อายุ 42 ปี
ติดตามตัวถึงชายแดนอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว แต่คลาดกัน ก่อนมุ่งหน้าอีสานใต้เข้าล็อกตัวได้สำเร็จที่ห้องพักเลขที่ 210 ชั้น 2 ฝันดีแมนชั่น ซอยชยางกูร 38 ถนนชยางกูร อำเภอเมืองอุบลธานี
“ทำไมพวกพี่รู้เร็วกันจัง” โจรชิงทองตั้งคำถามทันทีที่หมดอิสรภาพ
เพราะคิดแผนการที่วางไว้แยบยลสุดแล้ว
คอตกรับหมดเปลือกเคยเปิดสถานบันเทิง My Way Bistro Bar ย่านลาดพร้าว-วังหิน แต่ถูกจับฐานฝ่าฝืนเปิดสถานบริการจำหน่ายสุราช่วงไข้หวัดโควิด-19 แพร่ระบาด ลูกค้าในร้านถูกจับกุมด้วย พอมาเปิดร้านก็ไม่มีลูกค้ากล้าเข้ามานั่งกิน เพราะร้านเคยถูกจับ ทำให้ขาดทุนต้องไปกู้นอกระบบหลายแสนบาท แถมเสียพนันออนไลน์จนเจ้าหนี้ตามทวง
พอได้ดู หนังฮอลลีวูด แผนปล้นร้านทอง 100 วิธี และคิดหาทางหลบหนี 150 วิธี เพื่อไม่ตำรวจตามจับได้ หรือถูกจับได้ช้าที่สุด
ตัดสินใจเริ่มต้นวางแผนด้วยก่อเหตุโจรกรรมรถจักรยานยนต์แถวย่านรามอินทรามาใช้ก่อเหตุไปทิ้งไว้ในซอยพัฒนาการ 51 หนีขึ้นรถแท็กซี่ต่อหลายทอดวนไปวนมาเส้นในกรุงเทพมหานครหลายแห่ง นำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนหลายชุดก่อนกลับบ้าน
มั่นใจตำรวจตามแกะรอยไม่ได้
นำทองรูปพรรณที่ชิงทรัพย์มาได้ไปขายที่ร้านทองย่านอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ข้ามฝั่งไปเล่นพนันในประเทศเพื่อนบ้าน บางส่วนซุกซ่อนไว้ในขวดแป้ง ขวดโลออน ขวดครีมทาผิว ขวดยาสระผม คิดว่าตำรวจตรวจค้นจะได้หาไม่เจอ
ก่อเหตุเพียง 10 วันก็จนมุม
“พวกพี่รู้เร็วมาก ผมกะว่าสักสองสามอาทิตย์“ “
“มึงดูถูกตำรวจเกินไป” ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 5 เฉลยข้อข้องใจ “กูรู้ว่ามึงเป็นใครตั้งแต่วันที่สองแล้วพ่อหนุ่ม อย่าดูหนังมาก”
ไม่มีอาชญากรรมใดไม่ทิ้งร่องรอย