ปฏิบัติการพรางตัว

 

บรรยากาศหน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่น บริเวณสถานีขนส่งโดยสาร อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ค่อนข้างจอแจไปตามวิถีของมันตามปกติ

“จะไปกรุงเทพฯไหมพ่อหนุ่ม”

“ไม่ครับ”

“อ้อ…จะข้ามไปฝั่งโน้นใช่ไหม” แม่ค้าเหมือนรู้กัน

เจ้าตัวพยักหน้าไม่แสดงอาการพิรุธ แต่แปลกใจ ทำไมชาวบ้านรู้ เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบกลับไม่รู้ 

ร.ต.อ.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ รองสารวัตรกลุ่มงานข่าว กองบังคับการข่าวกรองยาเสพติด ช่วยราชการกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ให้ปลอมตัวเข้าไปหาข่าวขบวนการขนคนไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา

นายตำรวจหนุ่มมาดเซอร์ต้องติดกล้องส่องความเคลื่อนไหวรอบทิศทางเพื่อนำมาเป็นหลักฐานมัดตัวผู้กระทำความผิด

แต่หากโดนจับได้สถานการณ์จะพลิกผันไปอีกรูป

กระนั้นก็ตาม ประสบการณ์งานสืบสวนของเขาครบเครื่องพอตัวถึงขอรับอาสาทำงานลับครั้งนี้ด้วยที่อยากจะรู้ถึงสายสนกลในขั้นตอนของเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกคนข้ามแดนด้วย

แผนทั้งหมดเริ่มต้นจากเหยื่อรายหนึ่งหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากฝั่งกัมพูชา มี พ.ต.ต.มาโนชย์ ทองแก้ว สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ไปรับตัวพาเข้าเซฟเฮาส์สอบถามรายละเอียดอย่างละเอียด

“วิธีการเดียวต้องตัดวงจรของพวกมัน” พล.ต.ต.ธีรเดชเสนอความเห็นให้ลูกน้องเพื่อตัดแขนตัดขาขบวนการคอลเซ็นเตอร์เพื่อให้สัมฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรม นำเอาชุดปฏิบัติการ 5 ศูนย์อำนวยการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมวิเคราะห์ข้อมูล

หลังซักปากคำของเหยื่อที่ช่วยเหลือออกมาพบว่า ขบวนการนี้ใช้การ “หลอกลวง” ด้วยการโพสต์ข้อความเชิญชวนตามกลุ่มจัดหางานในเฟซบุ๊ก มักล่อลวงเหยื่อด้วย ค่าจ้างที่สูง มีสวัสดิการต่าง ๆ เป็นงาน “แอดมิน” ที่ไม่ผิดกฎหมาย

หากมีผู้หลงเชื่อตัดสินใจสมัครงานกับขบวนการนี้แล้วจะหว่านล้อมให้อยากไปทำงาน และจะดำเนินการให้อย่างเบ็ดเสร็จตั้งแต่การเดินทาง การพาข้ามประเทศทางช่องทางธรรมชาติอย่างผิดกฎหมายไปประเทศเพื่อนบ้าน

“เมื่อไปถึงแล้วกลับเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์และตกอยู่ในสถานะที่ไม่สามารถเรียกร้อง หรือขัดขืนได้ หากใครไม่เต็มใจทำหรือมีความคิดต่อต้านจะถูกลงโทษในรูปแบบต่างๆ เช่น ถูกกักขัง ถูกทำร้ายร่างกาย ให้อดอาหาร ถูกช็อตไฟฟ้า ถูกขายต่อไปยังคอลเซ็นเตอร์แก๊งอื่นๆ” เหยื่อให้ข้อมูลอย่างละเอียด

ร.ต.อ.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ นายตำรวจมาดเซอร์ถึงต้องแฝงตัวสมัครใจจะร่วมไปทำงานฝั่งกัมพูชาจากหน้าเพจเฟซบุ๊กโฆษณาเชิญชวนของเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ อำพรางตัวเป็นวัยรุ่นอายุ 18 ปีอยากมีงานทำ มีรายได้ประทังชีวิต

ปรากฏว่า ปลาติดเบ็ด นัดหมายพบกันที่หน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่น สถานีขนส่งโดยสารชายแดนอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว

มี ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ รองสารวัตรกองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2  ร.ต.อ.หญิง ธิดารัตน์ ผดุงประเสริฐ รองสารวัตรกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ทำหน้าที่อยู่ในศูนย์ควบคุมสั่งการติดตามความเคลื่อนไหวของนายตำรวจหนุ่ม

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 มอบหมาย พ.ต.อ.สหัส ใจเย็น รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2  พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2  พ.ต.อ.ธนเสฏฐ์ ประชาชัยศรี ผู้กำกับการสืบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 เตรียมกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ชุดบูรพา 491 กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 รอเก็บกวาด

พวกเขาไม่เสี่ยงที่จะให้ “ผู้กองมือดี” ของหน่วยข้ามแดนเข้ารังใหญ่ของเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์เพราะเป้าหมายสำคัญ คือ ตัดวงจรขบวนการส่งคนไทยข้ามแดนไปทำในฝั่งกัมพูชา

หลังจากนายตำรวจหนุ่มถ่ายทอดความเคลื่อนไหวขณะนั่งรถไปกับขบวนการเพื่อพาไปข้ามแดนอย่างผิดกฎหมาย  พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ส่งสัญญาณให้ทีมงานเตรียมพร้อม

ใช้โดรนบินเกาะรถผู้ต้องหาไปตามถนนสุวรรณศรที่กำลังมุ่งหน้าชายแดนไทย-กัมพูชา ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว

ก่อนใช้ยุทธวิธี “คาร์บล็อก” ปิดหัวปิดท้ายหยุดรถคนร้ายกลางถนน

ควบคุมตัวนายอรรถชัย มีโพธิ์ อายุ 30 ปี ที่อยู่ 199 หมู่ 1 ตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ผู้ขับขี่รถกระบะ อีซูสุ สีขาว  ทะเบียน บบ 7208 สระแก้ว “ตัวการใหญ่” มาสอบปากคำ

ตอนแรกปฏิเสธเสียงแข็ง แต่พอเจอหลักฐานจากภาพถ่ายการสนทนาของนายตำรวจที่แฝงตัวเข้าไปทำงานถึงกับยอมรับสารภาพว่า ได้รับการประสานงานจากผู้ร่วมขบวนการที่อยู่ฝั่งประเทศกัมพูชาให้มารับคนไทยไปข้ามพาข้ามไปประเทศกัมพูชาทางช่องทางธรรมชาติ เป็นลำคลองเล็ก ๆเรียกกันว่า คลองบ้านตาโจ๊ย ใกล้กับวัดป่าหนองเอี่ยนจะมีเรือพายพาข้ามแดนไป แล้วจะมีคนจากประเทศกัมพูชามารับช่วงต่อ

ยอมรับว่า รับประสานส่งไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์แบบนี้หลายแก๊งแล้ว และรับจ้างเช่นนี้ตกเดือนละประมาณ 15-20 คน ค่าจ้าง 6,000 บาท ต่อคน

จากการขยายผลยังตามจับ น.ส.รุ่งฤดี อุดมดี อายุ 38 ปี ที่อยู่ 33 หมู่ 11 ตำบลกาบิน อำเภอกุดข้าวปุ้น จังหวัดอุบลราชธานี  และ นายพงษ์ธนา พิมพา อายุ 36 ปี ที่อยู่ 114 หมู่ 2 ตำบลบ้านใหม่หนองไทร อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อนร่วมขบวนการอีก 2 รายมาดำเนินคดี

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ยืนยันว่า ตามนโยบาย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ใช้มาตราการที่หลากหลายทุกมิติในการทำสงครามกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์

“ มิตินี้เราจะตัดการลำเลียงคนข้ามไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และขยายผลผู้ร่วมขบวนกาทั้งหมด” นายพลนักสืบภูธรภาคตะวันออกว่า

ฝากเตือนคนที่มองหางานทำตามโลกออนไลน์ในต่างแดน

คุณจะกลับประเทศมาเยี่ยงอาชญากร มิใช่เหยื่อ

 

 

RELATED ARTICLES