ชื่อชั้นสำคัญแค่ไหน

เริ่มต้นสู่เดือนสิงหาคม บรรยากาศตลบอบอวลสู่จุดสตาร์ตการชิงเก้าอี้ “พิทักษ์ 1” แทนการเกษียณอายุของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข แม่ทัพคนปัจจุบัน

ต้องมีการเสนอชื่อ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 13 ในประวัติศาสตร์ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับนโยบายตำรวจแห่งชาติเคาะ

ลุ้นกันว่า “นายกฯตู่” จะนัดดีเดย์สัปดาห์ไหนของเดือนสิงหาคม 2565

“เจ้าสำนักปทุมวันคนใหม่” เป็นใครจะครองใจตำรวจทั้งกองทัพได้หรือไม่ต้องจับตากัน

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การกุมอำนาจของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ส่งไม้ต่อให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจ 36 ชื่อชั้นของทั้งคู่ผ่านฉลุยในด้านการสืบสวนปราบปราม

อาจไม่เท่าตำนานสมัย พล.ต.อ.มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น หรือ พล.ต.อ.ณรงค์ มหานนท์ นั่งเป็นอธิบดีกรมตำรวจที่โจรผู้ร้ายเข็ดขยาดเมื่อได้ยินกิตติศัพท์ในการปราบปรามอาชญากรรม

ทว่า “ชื่อชั้น” ของ “บิ๊กแป๊ะ” กับ “บิ๊กปั๊ด” ตัดไม้ข่มนามจนเก็บกวาดคดีสำคัญที่เกิดขึ้นเกือบราบคาบ

ผู้ที่มาแทนจะเล่นบท “แม่ทัพ” ได้ดีเพียงใด ต้องรอพิสูจน์ผลงาน

บรรดา 3 แคนดิแดตที่มีโอกาสเข้า “ชิงเก้าอี้”  เส้นทางล้วนธรรมดา ไม่เช่นนั้นคงไม่ฟันฝ่าอุปสรรคขยับขึ้นมาติดยศ พล.ต.อ. ครองตำแหน่งรองแม่ทัพ

กระนั้นคำว่า “อาวุโส” ไม่มีความหมายในการพิจารณาแต่งตั้ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในยุคปัจจุบัน ตามกฎเกณฑ์ของ พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พุทธศักราช 2547

ระบุการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง “ผู้นำคนใหม่” ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคัดเลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ หรือรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเสนอคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

คงไม่น่าลำบากยากเย็นสะดุด “หยุดกึก” เหมือนครั้งเกิดสุญญากาศเจ้าของนามเรียกขาน พิทักษ์ 1” ที่ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ เป็นตัวสำรองขัดตาทัพรอเก้อจนเกษียณอายุราชการ ด้วยเพราะอำนาจการเมืองกล้าเล่น “เกมงัดข้อ” อำนาจสูงสุด

บัลลังก์ของเจ้าสำนักปทุมวันถึงว่างไร้ร่างผู้นำตัวจริง

เทียบฟอร์ม 3 นายพลตำรวจเอก ผู้สันทัดกรณี “กูรูสีกากี” บางทีให้คะแนนไม่ถูก ทำนอง “รักพี่เสียดายน้อง”

บ้างก็ว่าจังหวะเวลาไม่ดีพอที่จะคัดตัว

อาวุโสลำดับแรก พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ มีเวลาอยู่ในชีวิตราชการอีกปี ดีกรีปริญญาตรีและโทด้านเศรษฐศาสตร์ และบริหารธุรกิจจากสหรัฐอเมริกา เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ  ผู้บังคับการสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

เข้ามานั่งจเรตำรวจแห่งชาติ ปรับภาพลักษณ์จเรตำรวจใหม่ในการไล่เอาผิดข้าราชการที่ทุจริตต่อหน้าที่ตั้งวินัยและอาญา ไม่มีการช่วยเหลือพวกเดียวกัน

เจ้าตัวยังเป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและคนเข้าเมืองได้รับคำชื่นชมจากสำนักงานป้องกันปราบปรามยาเสพติดสากลของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในโอกาสครบรอบ 26 ปี และมีบทบาทสำคัญในการสร้างความร่วมมือระหว่างสหรัฐอเมริกาและไทยในด้านการส่งผู้ร้ายข้ามแดน รวมทั้งยังส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคด้วย

ขณะที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 22 นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 38 เหลืออายุราชการเพียงปีเดียวเช่นกัน มีดีกรีปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์จาก City University ประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านหลักสูตร Pacific Training Initiative (PTI) ของสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐอเมริกา หลักสูตรการควบคุมฝูงชน ของ Tacoma Police Department ประเทศสหรัฐอเมริกา

ผ่านตำแหน่งสำคัญเป็น ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ขยับเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบหน้างานหลักเป็นผู้อำนวยการคุมศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ  ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง ศูนย์บริหารงานจราจร ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ( ศูนย์บังคับและต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม และความมั่นคง

ทำให้ขับเคลื่อนผลงานออกมาโดดเด่นกว่าคนอื่นที่ดูเหมือนเข้าตา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

การชิงชัยเก้าอี้สูงสุดเที่ยวนี้ถึงถูกวางเป็น “ตัวเต็ง” มากกว่าใคร

อย่างไรก็ตาม ไม่ควรมองข้าม พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์  นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 24 นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 40  นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง  ปริญญาโทบริหารธุรกิจ ประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านหลักสูตรหลักของสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐอเมริกา หลักสูตรสืบสวนจากสหรัฐอเมริกา-ออสเตรเลีย อายุราชการเหลือ 2 ปี

ลุยภารกิจราชการลับ ทำงานเกี่ยวกับการหาข่าวกลุ่มก่อการร้าย ดูแลความมั่นคงของประเทศ เป็นสารวัตรงาน 4 กองกำกับการ 5 กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล เป็นสารวัตรงาน 2 กองกำกับการ 5 กองตำรวจสันติบาล 1

ข้ามหน่วยไปเป็นผู้กำกับการ 7 และผู้กำกับการ 2 กองตำรวจทางหลวง นั่งเก้าอี้อยู่นานกว่า 6 ปีรองผู้บังคับการกองตำรวจทางหลวง ใช้เวลา 4 ปี ติดยศนายพลคุมงานตรวจคนเข้าเมือง 3 ดูแลรับผิดชอบด่านตรวจคนเข้าเมืองภาคกลาง

ขึ้นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ก่อนเด้งเป็นผู้บัญชาการศึกษาแล้วเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบทั้งงานสืบสวนสอบสวน งานป้องกันปราบปราม งานกฎหมายและคดี งานบริหารงบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ได้รับความไว้วางใจจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ไปรักษาการแทน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 แก้ปัญหาบ่อนอบายมุขแพร่ระบาดพิษโควิดที่สังเวยตำแหน่ง พล.ต.ท.วีระ จีรวีระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2  

ขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปราม เป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด  ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และปราบปรามการค้ามนุษย์ และศูนย์บริหารงานป้องกันปราบปราม

สรุปแล้วชื่อชั้นสำคัญแค่ไหนต้องถามใจผู้กุมอำนาจตัวจริง