การรับราชการตำรวจอย่างมีคุณค่า

 

จะมีใครสักกี่คนที่รู้ว่าห้วงชีวิตรับราชการสมัยคลุกฝุ่นนอกเครื่องแบบของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เคยถูกกระสุน “นักฆ่าคดีหั่นศพจากแดนมังกร”เข้าเฉียวกะโหลก “เฉียดตาย” มาแล้ว

เขาเกือบไม่มีวันนี้ วันที่ได้นั่ง “เก้าอี้สูงสุด” ของกองทัพ

เจ้าตัวเป็นตำนาน “ผู้นำปทุมวัน” ไม่กี่คนที่ “มือเปื้อนเลือด” ไม่ใช่นักวิชาการนั่งอยู่แต่ในห้องแอร์แช่ไวน์รอวันเวลาวาสนาหนุนส่ง

ประสบการณ์ชีวิตบางอย่างเล่าสู่กันฟังไม่ได้ ได้แต่เก็บความภาคภูมิใจไว้เพียงลำพัง รอเวลาล้มหายตายจากไปกับเครื่องแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

กระนั้นก็ตาม พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ยังมีโอกาสทิ้งทานบรรยายพิเศษแก่นายร้อยตำรวจชั้นปี 1-4 เทียบเท่านักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 76-79    จำนวน 806 นาย เป็นวิทยาทานฝากรุ่นน้องที่ห่างกัน 40 รุ่น ในหัวข้อ  “การรับราชการตำรวจอย่างมีคุณค่า”  ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ  อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม

เล่าเกร็ดชีวิตการรับราชการตำรวจของตัวเอง ตั้งแต่เข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 20 เข้าเรียนนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 36 บรรจุในตำแหน่ง รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก เลื่อนตำแหน่งเป็นสารวัตร รองผู้กำกับการ ผู้กำกับการ รองผู้บังคับการ ผู้บังคับการ รองผู้บัญชาการ ผู้บัญชาการ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  กระทั่งได้รับการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 12 ในประวัติศาสตร์สำนักปทุมวัน

พล.ต.อ.สุวัฒน์บอกว่า ทุกช่วงชีวิตรับราชการตำรวจ ต้องมุ่งมั่นทำงาน ทำหน้าที่ในตำแหน่ง ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด ยกตัวอย่าง เช่น การจัดระเบียบภายในสถานีตำรวจ ขับเคลื่อนให้ผู้ใต้บังคับบัญชาตั้งด่านตรวจค้น จับกุมสิ่งผิดกฎหมาย สมัยดำรงตำแหน่งสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลหนองแขม

ต่อมาครั้งดำรงตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี จัดระเบียบในโรงพักด้วยการการกวาดล้างจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ปัญหาสำคัญที่กระทบต่อประเทศ ทำให้อาจถูกกีดกันทางการค้า การปฏิบัติอย่างจริงจังส่งผลให้ประเทศไทยผ่านการประเมินจากนานาชาติ รอดพ้นจากการติดบัญชีประเทศเฝ้าระวัง ขณะเดียวกันมุ่งมั่นทำงานสืบสวนเป็นงานที่ชอบ ถนัด และมีทักษะอย่างมุ่งมั่น ตั้งใจจนเป็นที่ยอมรับ และมักได้รับมอบหมายให้สืบสวนคลี่คลายคดีสำคัญ เช่น คดีระเบิดในกรุงเทพมหานคร คดีความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คดีฆ่านักท่องเที่ยวที่เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี

อีกทั้งยังริเริ่มทำหลักสูตรฝึกอบรมด้านการสืบสวน “พัฒนานักสืบ” กลายเป็นต้นแบบหลักสูตรการสืบสวนในปัจจุบัน สร้างตำรวจที่เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนจำนวนมาก

เจ้าสำนักปทุมวันฝากข้อคิดการรับราชการตำรวจแก่นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นน้องด้วย

1.อยากจะเจริญก้าวหน้า ต้องหาเรื่องยาก ๆ ทำ อย่าทำเรื่องง่าย ๆ

2.ทุกการเดินทางในแต่ละช่วงชีวิต มีบทเรียนให้เราเรียนรู้เสมอ เช่น การทำคดีเกาะเต่า คดีการเสียชีวิตของดาราสาวแตงโม -ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ที่โซเชียลมีเดีย และอินฟลูเอนเซอร์ เข้ามามีบทบาท แสดงความคิดเห็นไหลไปตามกระแสสังคม ตำรวจเป็นเจ้าพนักงานกระบวนการยุติธรรม ต้องยึดหลักให้ได้ แม้จะสวนกระแสสังคม ดังนั้นต้องเรียนรู้ ปรับตัว ยอมรับ เอาตัวรอดให้ได้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง

3.ชีวิตขึ้นต้นมาเรื่องหนึ่ง เราไม่รู้ตอนลงท้ายเป็นอย่างไร อาจมีคนเขียนบทละครไว้ อย่าไปตั้งเป้ายศถาบรรดาศักดิ์ หรือตำแหน่ง เด็กบางคนมีเป้าหมายมีฐานะ ติดยศเร็ว คิดแบบไหนก็ไม่มีใครผิด แล้วแต่จริตของแต่ละคน

4.ชีวิตเดินคนเดียวไม่ได้ การทำงานต้องมีผู้บังคับบัญชา และต้องรักษาลูกน้องให้ดี

“ผมเป็นแบบนี้ถ้าจะเลือก ระหว่างงาน ผู้บังคับบัญชา ประโยชน์ จะด้วย เกียรติยศ ชื่อเสียงเงินทอง ผมเลือกงาน กับผู้บังคับบัญชาก่อน ผมเลือกงานที่ชอบและมีผู้บังคับบัญชาที่ดี เพราะประสบการณ์ชีวิต สอนเราว่า ชีวิตนี้เราเดินคนเดียวไม่ได้ เราต้องหาคนไปกับเรา หาผู้บังคับบัญชา หาเพื่อนร่วมงาน หาลูกน้อง โดยเฉพาะลูกน้องที่ดีต้องรักษาไว้ยิ่งชีพ เป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานมา ไม่ต้องคบคนเยอะ ดูแลลูกน้องที่เขาเดินตามเรา เราดูแลเขา เขาดูแลเรา เรื่องความเจริญก้าวหน้า เงินทอง เอาไว้ทีหลัง ผมไม่เคยเอามาเป็นตัวพิจารณาในการรับราชการ”

5.ตำรวจควรมียี่ห้อของตัวเอง มีภาพลักษณ์ที่คนอื่นมองเรา เช่น เก่งด้านสืบสวน เก่งด้านอำนวยการ เก่งด้านวางแผน เชี่ยวชาญด้านการสอบสวน

“ยี่ห้อ คือสิ่งที่คนอื่นตั้งให้เรา ไม่ใช่เราประกาศเองว่าเราเก่ง ว่าเราเป็นนักรบ เพราะนั่นคือการโฆษณาพรอพพากันดา ยี่ห้อเป็นสิ่งที่เราต้องสร้างเอง แล้วคนอื่นประกาศว่าเราเป็น อยากเก่งอะไร อยากทำอะไร ต้องทำ ศักดิ์ศรีต้องสร้างเอง เกียรติยศคนอื่นมอบให้”

6.ความยุติธรรม เป็นสิ่งที่เราต้องช่วยกันสร้าง หากไม่สร้างก็ไม่เกิด ความยุติธรรมเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง แม้แต่ความยุติธรรมในชีวิตราชการ วันหนึ่งหากรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรม อย่าละทิ้งหน้าที่ อย่าหยุดทำ ต้องต่อสู้

7.ชีวิตคนเราล้มเหลวได้บ่อย เอาความผิดพลาดเป็นบทเรียนในชีวิต อย่าให้มันเสียเปล่า ต้องลุกมาให้ได้

“ชีวิตคือการเดินทาง อย่าเดินลงเหว อย่าตั้งใจเดินลงเหว ต้องเรียนรู้ ต้องสู้ หาทางพ้นจากเหวให้ได้ปลายทางแต่ละคนไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อน ชีวิตอาจพบจุดเสี่ยงที่ปากเหว ต้องมีสติ สะดุดล้มได้แต่ต้องลุกขึ้นมา”  

8.ชีวิตมีเรื่องทั้งเรื่องสนุกสนาน และเรื่องหดหู่ หากชีวิตสนุกสนานอย่าเพลิดเพลินจำเริญใจกับมันมาก มีความสุขกับสภาพที่มีให้ได้ เวลารุ่งเรืองอย่าหลง และเมื่อถึงจุดที่ลำบาก อย่ายอมแพ้ อย่าหดหู่

9.เราเลือกงานไม่ได้ เลือกผู้บังคับบัญชาไม่ได้ หากเลือกได้ เลือกให้ดี เลือกให้ถูก สิ่งสำคัญคือ เราเลือกได้เสมอ คือเลือกว่าจะทำตัวอย่างไรท่ามกลางปัจจัยที่เราควบคุมได้ และควบคุมไม่ได้ ทำอะไรที่มอบหมายให้ดีที่สุด มีสติ คิดให้ครบถ้วน

“พยายามอย่าอยู่เฉย อย่าอยู่นิ่ง อย่าเป็นเป้านิ่ง ปรับตัวเรียนรู้ มีเท่าไหร่ใส่ไปให้เต็ม ชีวิตเขาอาจวาดให้เป็นอะไรก็แล้วแต่ ทำให้สมบูรณ์ ทำให้เท่ เราอาจไม่ได้รับตำแหน่งสูงสุด ไม่ได้แปลว่าล้มเหลว ทำงานงานสำเร็จแต่ละวันถือว่าเป็นความสำเร็จแล้ว การมีชีวิตครอบครัวที่ดี ก็คือความสำเร็จเช่นกัน”  

10.อย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว ต้องปรับตัว เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา

ทั้งหมดคือ สิ่งที่นายร้อยตำรวจรุ่นพี่อยากสอนนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นน้อง

RELATED ARTICLES