ไม่ได้เหนือความคาดหมาย
สำหรับตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 13 เตรียมขยับแทน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ที่จะเกษียณอายุราชการสิ้นเดือนกันยายน 2565
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการนายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ เคาะผ่านมติเอกฉันท์ให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับบท “พิทักษ์ 1” ก่อนเกษียณอายุราชการในปี 2566 ตามที่กะเก็งกันมาล่วงหน้า
ย้อนเส้นทางชีวิตว่าที่เจ้าสำนักปทุมวัน “ลักกี้นัมเบอร์” เป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่น 22 เพื่อนร่วมรุ่น พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก และเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 38 จบปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์ จาก City University ประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่าน หลักสูตรการควบคุมฝูงชน ของ Tacoma Police Department ประเทศสหรัฐอเมริกา และหลักสูตร Pacific Training Initiative (PTI) ของ F.B.I
รับราชการครั้งแรกเมื่อปี 2528 ตำแหน่ง รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลพลับพลาไชยเขต 2 ก่อนขยับดำรงตำแหน่งสำคัญในเมืองหลวง อาทิ รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลบางรัก ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลคลองตัน ขึ้นเป็น รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ รองผู้บังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน
ต่อมาได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาให้เป็น ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ ดูแลงานภูธรครั้งแรก แล้วมีโยกคืนถิ่นนั่งตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ขยับอีกรอบเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา เป็น รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล
หลังจากนั้นดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และไปเป็น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เลื่อนเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจนเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับนโยบายที่สำคัญตรงจากรัฐบาลให้แก้ไขปัญหาเด็กแว้นและหาแนวทางป้องกันอย่างจริงจังต่อเนื่อง จัดตั้งศูนย์ปราบปรามการแข่งรถในทาง
ผลงานที่สำคัญที่สุดนั้นคงหนีไม่พ้น การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมขับเคลื่อนระบบ “การรับแจ้งความผ่านระบบออนไลน์” ที่ทันสมัยเข้ากับยุคดิจิทัลตามแนวความคิดและนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์แจ้งยอดสุข อาจารย์นักสืบ 5G
“ หัวใจของการทำงานให้มีประสิทธิภาพ คือ การติดตามและประเมินผล ” เป็นคำขวัญที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ มักกล่าวกับผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่เสมอ
ทั้งนี้ทั้งนั้น เจ้าตัวกำลังแบกความหวังของกำลังกองทัพสีกากีกว่า 2 แสนคนจะไปในทิศทางใดกับเก้าอี้อำนาจคุมเหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ส่วนตำแหน่งอื่นในระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ว่าง 4 เก้าอี้ เป็นไปตามโผเช่นกัน พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นักเรียนนอก ลูกชาย พล.ต.อ.เภา สารสิน อดีตอธิบดีกรมตำรวจ พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 41 พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รัฐศาสตรบัณฑิตรั้วโดม พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 47 ขึ้นเสียบตำแหน่งแบบ ไร้คลื่นใต้น้ำกระแทกให้ปั่นป่วน
เก้าอี้ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดกว้างให้ พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้บัญชาการศึกษา นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 43 พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 41 พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 42 พล.ต.ท.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 40 พล.ต.ท.วีระ จิระวีระ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 41 และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 50
น่าสนใจตรงตำแหน่งผู้บัญชาการที่มีกระแสข่าว “รื้อบัญชี” เลือกจัดสำรับกองทัพหน่วยหลัก ฮือฮา เซอร์ไพรส์สุดเป็น พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 40 ลุกจากเก้าอี้ทองชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก มานั่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ชนิด “หักปากกาเซียน” เล่นเอาตำรวจเมืองหลวงซี๊ดซ๊าด
ขณะที่ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 43 ได้แรงหนุนจากอำนาจทางการเมือง ขยับเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 42 เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 สับเอา พล.ต.ท.อภิชาติ เพชรประสิทธิ์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่ประสานสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 40 เป็นผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล มี พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐ์พงศ์ ผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 42 เป็นผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง
พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ จเรตำรวจ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 43 นักสืบมือดีขออาสาออกมาเป็นผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจเพื่อช่วยยกระดับหน่วยในการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานมัดตัวอาชญากรในยุค 5 G ขณะที่ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 41 เลื่อนเป็นผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล พล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 40 หัวหน้าสำนักงาน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ขึ้นเป็นผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ พล.ต.ต.อนุชา รมยนันท์ รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 43 เป็นผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ
พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 40 หยิบชิ้นปลามัน นั่งตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 40 ได้อาวุโสเลื่อนเป็นผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 46 นำเพื่อนร่วมรุ่น เลื่อนเป็นผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี
หมดเวลาเล่น “เกมเก้าอี้ดนตรี” ตามวิถีชีวิตข้าราชการตำรวจ