ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต.มณเฑียร พันธ์อิ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ปฏิบัติราชการรองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมแถลงข่าวยุทธการตรวจค้นจับกุมทลายเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ปลอมแปลงเว็บไซต์และข้อมูลหน่วยงานราชการ หลอกลวงประชาชนหลงเชื่อโอนเงิน
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2565 น.ส.พัฒนวดี อุตวิชัย ผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ (www.thaipoliceonline.com) ถูกคนร้ายอ้างว่าผู้เสียหายมีส่วนร่วมในการกระทำผิดอาญาและส่งหมายจับปลอมของหน่วยงานราชการให้ผู้เสียหายดู เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อคนร้ายก็ได้สั่งให้ผู้เสียหายโอนเงินไปยังบัญชีที่คนร้ายเตรียมไว้(บัญชีม้า)อ้างเหตุผลต้องตรวจสอบเงินจำนวนดังกล่าวว่าได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่ รวมยอดเงินที่ผู้เสียหายโอนไปทั้งสิ้นเป็นจำนวนเงิน 6,976,094.87 บาท พนักงานสอบสวนกองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 รับเรื่องราวร้องทุกข์ไว้ ก่อนตั้งชุดปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนติดตาม
หลังจากนั้นนำกำลังพร้อมหมายค้นห้องพักเลขที่ 525/299 ชั้น 19 อาคารชุด เดอะไลน์คอนโด อโศก-รัชดา แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ควบคุมตัว นายหู เฉิน ปิง อายุ 32 ปี สัญชาติจีน-ไต้หวัน และนายนี่ชวง ชุน อายุ 23 ปี สัญชาติจีน-ไต้หวัน อีกจุดค้นห้องพักเลขที่ 729 ชั้น 27 ตึกบี อาคารไลฟ์ คอนโด รัชดา-สุทธิสาร แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร จับกุมนายจาง หยาง อายุ 29 ปี สัญชาติจีน ยึดของกลางรวม 61 รายการ ประกอบไปด้วย โทรศัพท์เคลื่อนที่พร้อมซิมการ์ด 39 เครื่อง, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก สมุดบัญชีธนาคารพร้อมบัตรเอทีเอ็ม หนังสือเดินทางและของกลางรายการอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับคดีคอลเซ็นเตอร์
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบโทรศัพท์เคลื่อนที่ในความครอบครองของผู้ต้องหายังพบ มีแอปพลิเคชันของธนาคารมีการลงทะเบียนผูกกับบัญชีธนาคารของบุคคลอื่น (บัญชีม้า) ติดตั้งอยู่ภายในโทรศัพท์รวมทั้งสิ้น 13 บัญชี จากการสอบถามรับว่า บัญชีธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ที่ตรวจพบมีไว้สำหรับใช้ในการหลอกลวงประชาชนให้โอนเงินมาที่บัญชีดังกล่าว และยังพบว่าบัญชีเหล่านี้มีความเชื่อมโยงและเกี่ยวข้องในคดีคอลเซนเตอร์อีกหลายคดีที่อยู่ในระบบการรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของกลุ่มผู้ต้องหายังพบ หมายเรียก หมายจับ หมายคดีฟอกเงินของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( หมายจับของหน่วยงานกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ถูกปลอมแปลงขึ้นมา ปรากฎชื่อประชาชนและบุคคลอื่นในเอกสารดังกล่าวเป็นจำนวนมาก อีกทั้งพบเว็บไซต์หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างๆที่มีการปลอมแปลงขึ้นเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กลุ่มคนร้าย น่าเชื่อว่ากลุ่มผู้ถูกจับจะใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงผู้เสียหายรายอื่น ๆ ด้วย