นับถอยหลังสู่ช่วงสุดท้ายปลายชีวิตราชการของใครหลายคน
เวลากำหนดโชคชะตาถึงเวลาต้องลาจากอาชีพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ตรากตรำบากบั่นมานานกว่า 40 ปี กลับเป็น “พลเรือน” รับบทแค่ “ข้าราชการบำนาญ” เต็มตัว
แต่สำหรับ พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ หาญแท้ รองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 ตัดสินใจ “เออรี่รีไทร์” ก่อนเกษียณอายุราชการ 4 ปี
“ผมเคารพในการตัดสินใจของเขา” พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 จัดเลี้ยงส่งลูกน้องในฐานะเป็นลูกทีมอยู่ในชุดปฏิบัติการ 5 ศูนย์อำนวยการปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เรือนไทยมหานคร ถนนเกษตร-นวมินทร์ เมื่อวันก่อน
ท่ามกลางบรรยากาศอันอบอุ่นและเป็นกันเองเต็มไปด้วยผู้บังคับบัญชาและทีมงานที่ร่วมสนามกวาดโจรผู้ร้ายชนิดเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาเกือบ 100 ชีวิต
“ผมเสียดายความรู้ความสามารถ แต่ผมเคารพการตัดสินใจของเขา” นายพลนักสืบชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกรำพันความในใจ
พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ หาญแท้ ต้นแบบมือสืบสวนสอบสวน “ผู้ปิดทองหลังพระ” เป็นตัวอย่างให้ตำรวจรุ่นน้องที่สัมผัสได้ศึกษา มีความอดทน เสียสละ ทุ่มเทอุดมการณ์เพื่อให้งานทุกชิ้นประสบความสำเร็จลุล่วงตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา
เกิดอำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ไม่เคยมีความคิดอยากเป็นตำรวจอยู่ในหัว แต่พ่อแม่ผลักดันจนต้องก้าวสู่เส้นทางตำรวจชั้นประทวนอยู่บ้านเกิด
ก้มหน้าก้มตาขยันทำงานจน พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 สมัยนั้นเป็นสารวัตรสถานีตำรวจภูธรตำบลโพทะเล อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี มองเห็นในความสามารถดึงตัวมาช่วยงานอยู่ในทีมเฉพาะกิจของจังหวัด
เปิดเกมคลี่คลายคดี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร ปล้นรถขนเงินในท้องที่สถานีตำรวจภูธรอินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี และร่วมติดตามคดีแก๊งคนร้ายลากตู้เอทีเอ็มในหลายแห่งของสมรภูมินักรบบางระจัน
สอบเลื่อนเป็นขั้นสัญญาบัตรทำงานหามรุ่งหามค่ำตามสไตล์ของตัวเอง ก่อนที่ พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง จะดึงตัวไปเป็นสารวัตรกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 4 เข้าร่วมชุดเฉพาะกิจการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยุค พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ยังคุมหน้างานหนัก
กระทั่งเผชิญมรสุมพร้อม “เจ้านาย” กระเด็นเป็นสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจนครบาลคันนายาว
กระนั้น “เพชรงามเม็ดนี้” ไม่ได้ถูกทอดทิ้ง เมื่อ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ นำไปร่วมทำงานคดีสำคัญ ก่อนสนับสนุนให้ขึ้นรองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3
“เขาเป็นครูตัวอย่างของน้อง ๆ” พล.ต.ต.ธีรเดชบรรยายสรรพคุณ “ไม่เลือกตำแหน่ง ขอแค่ได้ทำงาน”
ตลอด 2 ปีกว่าเข้าเกลียวพิชิตแก๊งคอลเซ็นเตอร์สารพัดเครือข่ายมาไม่น้อย โดยไม่ทิ้งหน้างานหลักเกี่ยวกับงานด้านปราบปรามยาเสพติด
ผลงานล่าสุดอยู่เบื้องหลังรวบรวมพยานหลักฐานเข้าสำนวนไปเสนอศาลอนุมัติหมายจับทีมสังหาร “ทนายต้อย” ในปั๊มน้ำมันอำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง โยงคนสนิทนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง
เหตุผลสำคัญในการตัดสินใจขอ “เออรี่รีไทร์” ทั้งที่ยังสนุกอยู่กับงานเขาแทบไม่เคยบอกใคร
“ผมมัวแต่ทำงาน ไม่มีเวลาพาเมียไปหาหมอ”
คนรักป่วยหนัก ถึงเวลาแล้วที่เขาต้องเลือกกลับไปดูแลครอบครัว
สิ้นสุดการเดินทางในชีวิตราชการเพื่อกลับบ้านไปทำหน้าที่ “หัวหน้าครอบครัว” ให้สมบูรณ์แบบจวบจนวาระสุดท้ายของโชคชะตา