หนี ซ่อน สู้

 

” ผมพูดมาตลอด แต่เสียงผมมันไม่ดังครับ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่าไว้เมื่อหลายปีก่อน

เจ้าตัวมองโศกนาฎกรรมที่ห้างเทอร์มินอล 21 กลางเมืองนครราชสีมาเป็น “บทเรียนครั้งยิ่งใหญ่”

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ต้องถ่ายทอดองค์ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป

ควรต้องรับมืออย่างไรเมื่อเผชิญสถานการณ์กราดยิง (Active Shooter)

กระทั่งซ้ำรอยเก่าจากเหตุการณ์ ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ อดีตผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู บุกสังหารหมู่เด็กนักเรียนภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลอุทัยสวรรค์ อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู และชาวบ้านที่บริสุทธ์ รวมถึงลูกเมียตัวเองเป็นตัวเลขมากถึง 36 ศพ

“เชื่อว่าตำรวจทุกคนมีความสะเทือนใจเมื่อได้เห็นข่าวการเสียชีวิตของเด็ก ๆ ความรู้สึกของคนที่เป็นพ่อคน มีลูกมีหลานเหมือนกัน ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นมาอีก” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์จริงจัง และยืนยันว่า การให้องค์ความรู้แก่คุณครูและเด็ก ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

เป็นวิธีเดียวที่จะลดความสูญเสียได้มากที่สุด

ตำรวจเป็นเพียง “ด่านที่สอง” หลังจากเกิดเหตุแล้ว

ต้องรอมีคนแจ้งมาที่ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 กว่าจะไปถึง เหตุได้เกิดไปนานแล้ว อาจจะกำลังก่อเหตุ หรือจบไปแล้วด้วยซ้ำ

“ผมเชื่อว่าการให้องค์ความรู้แก่ประชาชนและเด็ก เป็นทางออกที่ดีที่สุดที่จะทำให้พวกเขารอดชีวิต” เจ้าตัวย้ำ

เขาถึงได้รับนโยบายจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะที่ตัวเองรับผิดชอบงานป้องกันปราบปราม สั่งการให้ทุกโรงพักทั่วประเทศจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ออนไลน์ให้ความรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์กราดยิง ( Active shooter) และเหตุร้ายอื่น ๆที่อาจเกิดขึ้นได้ในโรงเรียนและชุมชน

เป็นการป้องกันภัยเชิงรุก  

ไม่อยากให้มีเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นมาอีก

ดังนั้นการให้องค์ความรู้แก่ประชาชนและเด็กเรื่อง หนี ซ่อน สู้ จะช่วยให้พวกเขารอดชีวิต

วิธีการหนี คือ วิ่งให้เร็วที่สุดไปในทิศทางตรงกันข้ามกับคนร้าย และเป็นเส้นทางที่สามารถหลบหนีไปได้ไกล เช่น วิ่งไปที่ประตูทางออก หรือทางหนีไฟ

วิธีการซ่อน คือ หากไม่สามารถวิ่งหลบหนีได้ ให้ซ่อนตัวในพื้นที่ที่ปลอดภัยและเงียบที่สุด ปิดอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดเสียงและแสงสว่างที่จะทำให้คนร้ายรู้ที่หลบซ่อน  ถ้าอยู่ในห้องให้ล็อกประตูแล้วหาสิ่งของมาวางขวางประตู

ต้องไม่หลบอยู่หน้าประตูโดยเด็ดขาด

วิธีการสู้ คือ “หนทางสุดท้าย” ให้หาสิ่งใกล้ตัวที่สามารถนำมาใช้เป็นอาวุธเพื่อต่อสู้กับคนร้าย เช่น เก้าอี้ แท่งเหล็ก แจกัน ถังดับเพลิง หรือก้อนหิน เป็นต้น

สำหรับผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุสามารถโทรขอความช่วยเหลือจากสายด่วน 191 ได้ แต่จะโทรได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในอย่างปลอดภัยแล้วเท่านั้น

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ขอให้ตำรวจทุกคงทำงานด้วยหัวใจ

 นำเอาความสะเทือนใจที่เกิดขึ้นมาเป็นบทเรียน

สงสารเด็กครับ  

RELATED ARTICLES