ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก มีชุดลาดตระเวนออนไลน์ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ได้รับแจ้งเรื่องความเดือนร้อนจากประชาชนถูกอาจารย์บาส หรือหมวดตรีใช้กลอุบายโพสต์เชิญชวนคนที่อยากหารายได้เสริมผ่านเพจ Facebook ใช้ชื่อบัญชี “ ชมรมลูกเสือสัมพันธ์ ” ส่งข้อความเชิญชวนให้ร่วมลงทุน รับเหมา หรือรับจ้างทำงานตัดชุดเครื่องแบบของหน่วยงานราชการต่างๆสร้างความน่าเชื่อถือลงในโลกโซเชี่ยลกั กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นต้น ให้โอนเงินค่าลงทุนเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 4681009138 ชื่อบัญชี บริษัท ลูกเสือสัมพันธ์ จำกัดสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนกว่า 17 ล้านบาท
ต่อมา พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล มอบหมาย พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.กมล นุ่มหอม รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล นำกำลัง พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สารวัตรกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล นำกำลังสืบสวน
ก่อนติดตามจับกุมตัวนายหมวดตรี วิทวัส หรือบาส ยอแสง อายุ 35 ปี ที่อยู่ 829/7 หมู่ 6 ตำบลแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ได้ที่บริเวณ ลานจอดรถชั้น 4 ภายในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 สาขาพระราม 3 ถนนพระรามที่ 3 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร ตามพฤติกรรมใช้กลอุบายโพสต์เชิญชวนคนที่อยากหารายได้เสริมผ่านเพจ Facebook ชื่อบัญชี “ ชมรมลูกเสือสัมพันธ์ ” มีลงรูปกิจกรรมกับหน่วยงานราชการเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ใช้คิวอาร์โค้ดให้ผู้เสียหายแอดเข้าไปในห้องไลน์ที่สร้างขึ้น หลังจากนั้นจะมีการส่งข้อความเชิญชวนให้ร่วมลงทุน รับเหมา หรือรับจ้างทำงานกับส่วนราชการโดยเป็นการตัดชุดเครื่องแบบของหน่วยงานราชการหน่วยต่างในการลงทุนแต่ละงานคนร้ายจะให้รายละเอียดเป็นชื่องาน จำนวนผลตอบแทนที่ผู้เสียหายจะได้รับจากการนำเงินมาลงทุนในจำนวนเงินที่สูงประมาณร้อยละ 20 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์แล้วแต่ชนิดของงานที่ประมูล และมีวันที่จะได้ผลตอบแทนพร้อมเงินต้นในงานนั้น (เช่น งาน A มีค่าตอบแทนร้อยละ 20 เท่ากับว่าหากลงทุน 10,000 บาท จะได้ผลกำไร 2,000 บาท เป็นต้น) เมื่อผู้เสียหายตัดสินใจลงทุนจะต้องส่งชื่อบัญชีพร้อมเลขที่บัญชีธนาคารให้คนร้าย และโอนเงินค่าลงทุนเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 4681009138 ชื่อบัญชี บริษัท ลูกเสือสัมพันธ์ จำกัด กลับไม่ได้รับเงินคืนตามที่ตกลงกันไว้ ซ้ำยังถูกบ่ายเบี่ยงไม่ยอมจ่ายเงินคืน ไม่มีการตอบรับจากทางเพจ หรือไลน์ พบมียอดเงินที่โอนเข้าจำนวนรวมกว่า 17 ล้านบาท
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดของผู้ต้องหาในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่าผู้ต้องหามีประวัติ เคยถูกจับกุมมาแล้ว 4 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 เมื่อปี 2554 ถูกจับกุมในข้อหา “ ฉ้อโกง ” ท้องที่ สถานีตำรวจนครบาลยานนาวา ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2564 ถูกจับกุมในข้อหา “ ตัวการในข้อหาฉ้อโกง,ตัวการในข้อหาฉ้อโกงประชาชน,ตัวการในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ” ท้องที่สถานีตำรวจภูธรเมืองระยอง ครั้งที่ 3 เมื่อปี 2564 ถูกจับกุมในข้อหา “ ฉ้อโกง ” ท้องที่ สถานีตำรวจภูธรสาขลา จังหวัดสมุทรปราการ ครั้งที่ 4 เมื่อปี 2565 ถูกจับกุมในข้อหา “ ตัวการในข้อหาฉ้อโกงประชาชน,ตัวการในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ” ท้องที่สถานีตำรวจภูธรเมืองระยอง และจากการตรวจสอบประวัติคดีของผู้ต้องหาในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่า ณ ปัจจุบันผู้ต้องหายังมีหมายจับที่ยังต้องการตัวเพื่อดำเนินคดี อีก 3 หมายจับ
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การว่า เปิดบริษัทเป็นของตนเอง ชื่อบริษัท ลูกเสือสัมพันธ์ จำกัด รับส่งออก นำเข้า ผลิตเครื่องแต่งกายลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาต ชุดนักเรียน เป็นธุรกิจหลักของครอบครัว ในส่วนของการรับประมูลงานตัดชุดเครื่องแบบหน่วยงานราชการต่างๆ ที่โพสต์เชิญชวนคนที่อยากหารายได้เสริมผ่านเพจ Facebook ได้กระทำจริง ในครั้งแรกตั้งใจจะให้ผลกำไรคืนแก่ผู้เสียหายตามที่ได้มีการประกาศไว้ แต่เนื่องจากไม่สามารถยื่นประมูลงานจากหน่วยงานราชการมาทำได้ ด้วยความโลภที่มีในตัวถ้าจะคืนเงินต้นทุนคืนให้แก่ผู้เสียหายก็เสียดายเงินทุนที่มีอยู่ในมือ จึงนำเงินที่ผู้เสียหายร่วมลงทุนดังกล่าวคงค้างในบัญชีไว้ก่อน แต่เนื่องจากตนเอง ทนกิเลสความต้องการไม่ได้จึงนำเงินที่มีผู้เสียหายส่งมาร่วมลงทุนไปซื้อรถยนต์หรูยี่ห้อดังต่างๆ เช่น รถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น E250 ยี่ห้อ BMW ซีรี่5 รุ่น 520 D ยี่ห้อฟอร์ด มัสแตง GT5.0 จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ยี่ห้อ Triumph รุ่น Rocket 3 R มาใช้ในชีวิตประจำวัน เมื่อถึงเวลากำหนดส่งเงินต้นพร้อมกำไรคือให้แก่ผู้เสียหายก็ได้มีการโพสต์เชิญชวนประชาชนอื่นที่สนใจให้เข้าร่วมลงทุนในโครงการประมูลงานใหม่เพื่อนำเงินทุนไปจ่ายเป็นเงินต้นและกำไรให้แก่ผู้ที่ลงทุนในโครงการก่อนหน้า แต่เนื่องจากในบางครั้งโครงการประมูลที่เปิดใหม่ไม่มีผู้สนใจร่วมลงทุนมากพอจึงไม่สามารถนำเงินไปส่งต้นและกำไรให้ผู้ร่วมลงทุนก่อหน้าได้ เป็นเหตุให้ถูกดำเนินคดี
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลกล่าวว่า หากพบคนร้ายรายนี้หลอกลวง ขอโปรดติดต่อสืบสวนนครบาล ขอแจ้งเตือนภัยว่ามิจฉาชีพมีกลโกงหลายรูปแบบ โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกง มิจฉาชีพมักใช้ความโลภเห็นแก่ผลกำไรมาเป็นจุดล่อใจให้หลงกล ควรมีสติวิเคราะห์ถึงพฤติกรรม กลโกง หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอขาย หรือชักชวนลงทุนในด้านต่างๆ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ