ถ้าไม่อ่าน..คุณจะเสียใจ
ดร.นราวดี แสงรัตนกุล ที่ปรึกษาโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา อายุ85 ปีแล้วส่งมาให้อ่านตามไลน์เป็นบทความน่าสนใจกับการใช้ชีวิตของทุกคน
ระบุว่า อย่าไปวิตกกับสิ่งที่ผ่านมา ความพ่ายแพ้ หรือความผิดหวัง ความสุข หรือความทุกข์ เพราะหากชีวิตมนุษย์จะเรียบง่าย คงไม่เริ่มต้นด้วยการร้องไห้เมื่อแรกเกิด
คนเรา ” เกิดมา “ พร้อมกับเสียงร้องไห้ของตัวเอง แต่ ” ตายไป “ พร้อมกับเสียงร้องไห้ของผู้อื่น ช่วงเวลาระหว่างนั้น เรียกว่า ” ชีวิตคน “
แมวชอบกินปลา แต่แมวลงน้ำไม่ได้ ปลาชอบกินไส้เดือน แต่ขึ้นฝั่งมากินไส้เดือนไม่ได้
ชีวิตคนเรา ” มีได้ – มีเสีย “ มีทั้ง “ได้เลือก” และต้อง “ล้มเลิก”
ในชีวิตคนเราไม่มีทางที่ทุกอย่างจะเป็นไปดั่งใจนึกได้หมด
จงอย่าไปคิดเล็กคิดน้อยกับใครเพราะมันไม่คุ้ม จงอย่าจริงจังกับตัวเองเกินไป เพราะจะทำร้ายตัวเอง จงอย่าไปจมอยู่แต่อดีต เพราะมันไม่ได้อะไรขึ้นมา จงอย่าจริงจังกับปัจจุบันมากไป เพราะชีวิตยังคงต้องเดินต่อไป
ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นของๆ เรานอกจากสุขภาพกายที่แข็งแรง (อันมาจากสุขภาพใจที่เข้มแข็ง เปี่ยมกำลังใจ)
อย่าได้อวดเรื่องเงินเรื่องทอง ตายไปก็กลายเป็นเพียงเศษกระดาษ
อย่าได้อวดเรื่องหน้าที่การงาน ลาออกไปแล้วจะมีคนมาแทนที่คุณและอาจทำได้ดีกว่าคุณ
อย่าอวดเรื่องบ้านเรื่องรถ ตายไปแล้วก็เป็นของทายาท
คุณอวดเรื่อง “สุขภาพแข็งแรง” จะดีกว่า
คนอื่นตายไปแล้วคุณยังนอนเล่นริมทะเลนั่งจิบชามองดูลูกหลาน อย่างมีความสุขและเข้าใจในชีวิต
“10 ปี 7 ครั้ง”
ค่อยๆตั้งใจอ่าน เปิดใจรับแล้วจะพบแต่ความสุขที่ได้เกิดมาบน โลกใบนี้
“ชีวิตคนเราจะมีสิบปีสักกี่ครั้ง” ชอบประโยคนี้มากมันจริงอย่างยิ่ง
ถ้าคนเราอายุเฉลี่ย 70 ปี เราก็มี 10 ปีแค่ 7 ครั้ง
สิบปีแรก…หมดไปกับความไร้เดียงสา
สิบปีต่อมา…หมดไปกับการศึกษาเล่าเรียน
สิบปีต่อมา…หมดไปกับการทำงานและการใช้ชีวิต
สิบปีต่อมา…หมดไปกับการสร้างฐานะ สร้างครอบครัว
สิบปีต่อมา…หมดไปกับการลงหลักปักฐาน รักษาสิ่งที่หามา
สิบปีต่อมา…หมดไปกับการดูแลรักษาสุขภาพกายใจให้แข็งแรง
สิบปีสุดท้าย…หมดไปกับการปล่อยวางทุกสิ่งรอคอยการกลับบ้าน
แต่ละสิบปีผ่านไป…ไวเหมือนโกหก อีกไม่นานปีนี้ก็จะผ่านไป มีอะไรที่เราทำไปแล้วมากมายและก็ยังมีอะไรอีกมากมายที่เรายังไม่ได้ทำ
เวลา คือ หน่วยเงินในกำมือของเราที่เอาไปแลกสิ่งอื่น
เราเอาเวลาไปแลกงาน เราเอางานไปแลกเงิน
แต่เราก็ไม่เคยเอาเงินไปแลกเวลาคืนกลับมาได้สักที
ถ้า ‘ธนาคารเวลา’มีจริง เราก็ไม่เคยมีสมุดบัญชีสักเล่มที่จะให้เราดูได้ว่าตอนนี้เหลือเวลาอยู่เท่าไหร่ เรารู้ว่า เราใช้“สิบปี”ของเราไปกี่ครั้งแล้ว แต่เราไม่อาจรู้ว่า เราจะใช้ “สิบปี” ที่เหลือของเราได้ครบมั้ย
แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับเราใช้เวลาสิบปีของเราไปคุ้มค่าหรือเปล่า
เมื่อเราหันหลังกลับมาขอให้พูดได้เต็มปากว่า เราใช้มันไปอย่างไม่น่าเสียดาย
ชีวิตคนเราจะมี “สิบปี” สักกี่ครั้งกัน
ใช้สิบปี เจ็ดครั้งของเราให้คุ้มค่า
สวัสดีกับสิบปีปัจจุบันของท่าน
เขียนดีมาก อ่านให้จบ คุณอาจจะหัน มารักตัวเอง
ไม่เจ็บปวดแต่ก็ต้อง “บำรุง” ไม่กระหายแต่ก็ต้อง “ดื่มน้ำ” ว้าวุ่นแค่ไหนก็ต้อง “ปล่อยวาง” มีเหตุมีผลแต่ก็ต้อง “ยอมคน”
มีอำนาจแต่ก็ต้องรู้จัก “ถ่อมตน”
ไม่เหนื่อยแต่ก็ต้อง “พักผ่อน” ไม่รวยแต่ก็ต้อง “รู้จักพอเพียง” ธุระยุ่งแค่ไหนก็ต้องรู้จัก “พักผ่อน”
หมั่นเตือนตน : ชีวิตนี้สั้นนัก
อยากกิน…กิน อยากเที่ยว….เที่ยว เรื่องกลุ้มอย่าเก็บไว้ ไม่เครียด ปล่อยวาง สุขสบายทุกเพลา
เวลาที่ยังจับมือไหว ให้เชิญเพื่อนมาสังสรรค์ หรือออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆบ้าง เวลาที่ยังกอดไหว ให้โอบกอดให้ชื่นใจ
ทำหน้าที่พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา พี่ น้อง และเพื่อนที่ดีต่อไป
ครอบครัวสุขสรรค์ มาก่อนเสมอ
เวลาที่อยู่ด้วยกัน อย่าได้โกรธกันง่ายๆ ที่สำคัญ ต้องเป็น “ผู้ให้” ก่อนเสมอ เต็มใจ – สุขใจ ที่เป็นผู้ “ให้” รู้จัก “ขอโทษ” และ “สำนึกผิด” ทุกครั้งที่ทำ “ผิด”
ท้ายสุด “ปล่อยวาง” และ “พอเพียง”
คิดดี ทำดี พูดดี…มีสุข
ถ้าคุณส่งให้เพื่อนๆแสดงว่าคุณเป็นคนรักและหวังดีกับเพื่อนคุณ ถ้าไม่ส่งแสดงว่าคุณรักแต่ตัวเองไม่คิดจะเผื่อแผ่ความสุขให้คน รอบข้างและเตือนสติเพื่อนของคุณ