สรุปแล้วพระราชบัญญัติสำนักงานตำรวจแห่งชาติฉบับแก้ไขปรับปรุงใหม่ช่วยอะไรได้จริงหรือ
ความเป็นธรรมใจการแต่งตั้งโยกย้ายยังไม่พ้นวังวนของ “เส้นสาย เด็กนาย ตั๋วฝาก” จากผู้มีอำนาจบารมี “นอกรั้ว” ที่ระดับแม่ทัพยังต้องเกรงใจ
กลายเป็นวิบากกรรมของใครหลายคนที่ต้องเผชิญมรสุมกระเด็นกระดอนพ้นเก้าอี้
บางทีเป็นเรื่องทีน่าขบขัน
พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น อดีตจเรตำรวจแห่งชาติถึงออกมาแสดงความคิดเห็นเป็นห่วงองค์กรเก่าจากลางบอกเหตุว่าจะเกิดสิ่งร้ายๆต่อแวดวงตำรวจ
โดยเฉพาะจากการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้
อ้างถึงรายการเจาะลึกทั่วไทยของทีวีช่อง 9 เสนอข่าวผู้กำกับการสืบสวนกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนคบาลถูกย้ายไปเป็นผู้กำกับโรงพักในเขตจังหวัดชัยภูมิ
ทั้งที่รับรางวัลผลงานดีเด่นช่วงปี2565
เจ้าตัวว่า จากการสดับตรับฟังพบว่าผลการแต่งตั้งครั้งนี้มีระดับผู้กำกับการถูกย้ายข้ามภาคจำนวนมากพอสมควร
ตำนานอีสานคือ “แดนเนรเทศ”
มีข้าราชการตำรวจจากนครบาล สอบสวนกลาง ภูธรภาค 1 ภูธรภาค 2 และภูธรภาค 7 ถูกย้ายแบบ “เตะโด่ง” ไปอยู่โรงพักผาขาว จังหวัดเลย หรือโรงพักคำบ่อ โรงพักคำตะกร้า โรงพักส่องดาว โรงพักอากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร
ถือเป็นพื้นที่ ห่างไกล กันดาร
“ช่วงปี2535-2546 กระผมทำงานอยู่ภาคอีสานได้เห็นตำรวจที่ถูกย้ายไปจะมีสภาพแบบหมดขวัญกำลังใจ มาอยู่แต่ตัว แต่หัวใจ จิตวิญญาณไม่ได้มาด้วย” พล.ต.อ.ปัญญาย้อนความ “ การทำงานด้อยประสิทธิภาพลง ลูกน้องและประชาชนในเขตต้องแบกทุกข์ไปด้วย เป็นการทำลายขวัญกำลังใจของผู้เกี่ยวข้องอย่างร้ายแรง”
เขาบอกว่า ในแก้ไขพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติปี 2547 พวกเราพยายามแก้ไขปัญหานี้ โดยกระจายอำนาจแต่งตั้งมาตำรวจภูธรภาค การย้ายข้ามภาคมีกระบวนการและขั้นตอนละเอียดรอบคอบมากขึ้น
แต่หลังจากอำนาจแต่งตั้งมาอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติปัญหานี้เริ่มปะทุมากขึ้น
“เพื่อป้องกันการก่อทุกข์เข็ญแก่ตำรวจ ทั้งผู้ถูกโยกย้าย ญาติมิตร ครอบครัว และผู้ใต้บังคับบัญชาและประชาชนในเขต กระผมจึงขอวิงวอนขอความเห็นใจจากน้องๆตำรวจผู้มีอำนาจหน้าที่ในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ได้โปรดตรวจสอบให้ละเอียดรอบคอบต่อกรณีการย้ายข้ามภาคให้ชัดเจนโปร่งใส เพราะยังพอมีเวลา เนี่องจากคำสั่งมีผล1กุมพาพันธ์ 2566” อดีตจเรตำรวจแห่งชาติกระแทกความจริง
“กระผมเคยเห็นถึงทุกข์เข็ญของตำรวจที่ถูกย้ายข้ามภาคอย่างไม่เป็นธรรม รวมทั้งทุกข์เข็ญของผู้เกี่ยวข้อง ท่านผู้มีอำนาจแต่งตั้งและผู้มีส่วนร่วมในการแต่งตั้งครับ ทุกข์เข็ญเหล่านี้จะทำให้ท่านทั้งหลายหมดศรัทราในตัวเอง สิ่งที่ท่านทำบุญทำกุศลมาตลอดชีวิตน่าจะช่วยอะไรไม่ได้มากครับ” เขาฝากความหวัง
สำหรับท่านที่จะเกษียณอายุราชการพ้นหน้าที่ราชการ ท่านจะไม่มีสิทธิมาแก้ไขแก้ตัวได้เลยครับ ฉะนั้นวันนี้พอมีเวลาที่จะพิจารณาทบทวนไตร่ตรองให้ละเอียดรอบคอบอีกครั้งก็ควรกระทำ
เจ้าตัวต้องกราบขออภัย
หากผู้มีอำนาจแต่งตั้งตรวจสอบแล้วพบว่าการแต่งตั้งโยกย้ายข้ามภาคกระทำโดยชอบด้วยเหตุ ด้วยผล และด้วยธรรมะแล้ว
อนึ่งต้องฝากน้องตำรวจที่ได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรงจากการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ ต้องช่วยตัวเอง โดยใช้สิทธิ์ร้องทุกข์กล่าวโทษตามระเบียบกฎหมายด้วย เพื่อช่วยกันป้องกันการถูกกลั่นแกล้ง รังแก ที่จะเกิดขั้นอีก
อย่าปล่อยทิ้ง
เรามาสู้เพื่อแก้ไขไปด้วยกัน
ขจัดปัญหาการรวมศูนย์อำนาจแต่งตั้งโดยกระจายอำนาจไปที่ภาคและจังหวัด พร้อมใช้ระบบคุณธรรม ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ อย่างเข้มข้นมาใช้
สุดท้าย พล.ต.อ.ปัญญาฝากผู้มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายและผู้มีส่วนร่วมช่วยพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง พอมีเวลาครับ อย่าคิดว่าเสียหน้า เสียเครดิต ผลของการแต่งตั้งโยกย้าย คือ ชีวิตจิตวิญญาณของตำรวจ
ตำรวจจะดำเนินคดีกับใคร ต้องคิดแล้วคิดอีก เราจะโยกย้ายลูกน้อง เราควรคิดแล้วคิดอีกเช่นกัน
ต้องไตร่ตรองให้รอบคอบครบถ้วน อย่าอ้างข้อจำกัด อำนาจการเมือง หรืออำนาจเหนือเรา
“เราเป็นตำรวจเพื่อความยุติธรรม ยึดมั่นให้ได้ครับ ทบทวนคำปฏิญาณของตำรวจและอุดมคติของตำรวจที่ท่านทั้งหลายยึดมั่นอยู่ ท่านจะสบายใจ ไร้กังวล ในการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาและประชาชนต่อไปครับ”
ขอบพระคุณมากครับสำหรับทุกท่านที่ช่วยกันส่งเสียงเรื่องนี้