พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่งทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมชุดปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมกับชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาลแกะรอยติดตามอ้างเป็นนายแพทย์ทอมในโลกโซเชียล หลังรับแจ้งจากผู้เสียหายหญิงรายหนึ่งป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ถูกคนร้ายหลอกลวงผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ App Bumble แผนประทุษกรรมสุดแสบ ใช้โปรไฟล์เป็นหนุ่มรูปงาม และเป็นคนสายบุญ หลอกให้เหยื่อหลงรัก จากนั้นคนร้ายลวงให้ผู้เสียหายลงทุน Money Exchange มูลค่าความเสียหายเกือบ 2 ล้านบาทจนหมดตัว แล้วออกอุบายบังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับพ่อของคนร้ายเพื่อพิสูจน์รักแท้ สุดท้ายพบว่าเป็นตัวคนร้ายเอง สืบพบมีประวัติโชกโชน ตระเวนก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบันกว่า 6 คดี และมีหมายจับ 2 หมาย ตัดกำไล EM หลบหนีประกัน ถือเป็นภัยสังคมอย่างยิ่ง เกรงว่าจะมีเหยื่อหญิงสาวถูกล่อลวงเพิ่มขึ้น

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ผู้บัญชาการตำรวจแหห่งชาติ มอบหมาย พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งกา รพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ในฐานะชุดปฏิบัติการที่ 5 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  นำกำลัง พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ร.ต.อ.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ รองสารวัตรกลุ่มงานการข่าว กองบังคับการข่าวกรองยาเสพติด ร.ต.อ.กิติศักดิ์ ออกรัมย์ รองสารวัตรกองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ รองสารวัตรกองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกันกับทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแกะรอย

นำไปสู่การรวบรวมพยานหลักฐานจับกุมนายพงศกร หรือชาย ศุภกรมงคลชัย อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/39 หมู่ 6 ตำลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ บริเวณหน้าร้านทองกิมฮุง ถนนสุขุมวิท ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ นำตรวจค้นห้องพักเลขที่ 945/526 ชั้น 7 อาคารซี เลสโต คอนโด สุขุมวิท 13 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ ยึดโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง พบข้อมูลภาพผู้เสียหายเปลือยที่คนร้ายใช้แบล็กเมล์  สมุดจดบันทึก จำนวน 6 เล่ม พบข้อมูลการจดลักษณะนิสัยของเหยื่อ บัตรเอทีเอ็ม  12 ใบ สมุดบัญชีธนาคาร   17 เล่ม  ซิมโทรศัพท์มือถือ 16 ซิม และเอกสารการทำธุรกรรมการเงินจำนวนมาก ตามพฤติกรรมที่ลวงสาวผู้เสียหายด้วยการใช้โปรไฟล์เป็หนุ่มหล่อแชตสนทนาให้เหยื่อหลงรัก กระทั่งรู้ว่าฝ่ายหญิงเป็นคนป่วยซึมเศร้า ก่อนใช้เทคนิคการสนทนาในลักษณะรู้จุดอ่อนของเหยื่อแต่งเรื่อง “วิปริต” ลวงหญิงผู้เสียหายไปร่วมหลับนอนกับ “พ่อ” มิเช่นนั้นจะต้องเลิกรากัน ฝ่ายหญิงกลัวต้องยอมทำตาม แท้จริงเป็นตัวผู้ต้องหาหน้าไม่เหมือนโปรไฟล์ นัดเจอกับหญิงผู้เสียหายที่โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ เป็นจำนวนกว่า 4 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 19 มกราคม 2566 จากนั้นคนร้ายเริ่มล่อลวงให้หญิงผู้เสียหายเริ่มลงทุน Money Exchange  โอนเงินให้กับคนร้ายหลายครั้ง และยังถูกหลอกให้นำรถยนต์ไปขายเพื่อนำเงินมาโอนให้กับคนร้ายอีก รวมความเสียหายทั้งหมด 1,511,911 บาท

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 5 ศูนบ์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการสืบสวนร่วมกับทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมในทันที พบกับวิธีการสุดเลวยิ่งกว่าการถูกหลอกลวงทั่วไปของจิ้งจอกสังคมรายนี้ ทำให้หญิงผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อคิดฆ่าตัวตาย เชื่อว่า มีสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าการถูกหลอกลวงทั่วไป อาจถูกคนร้าย “แบล็กเมล์” เหตุเพราะการที่ผู้เสียหายยอมมีเพศสัมพันธ์กับคนร้ายที่เป็นชายแปลกหน้าถึง 4 ครั้งนั้น ต้องเกิดจากที่คนร้ายใช้วิธีการเชิงบังคับอย่างแน่นอน สำหรับประวัติ นายพงศกร ศุภกรมงคลชัย อายุ 43 ปี คนร้ายตรวจพบเป็นเป็นอดีตทนายความในพื้นที่จังหวัดชลบุรี แต่ได้ถูกถอนใบอนุญาตไปเนื่องจากเข้าไปพัวพันเรื่องผิดกฎหมายกับกลุ่มชาวต่างชาติมีหมายจับหลายท้องที่ ขณะจับกุมยังออกอุบายตบตาเจ้าหน้าที่ แสร้งมิใช่บุคคลตามหมายจับ และเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วยืนยันว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและจะรจับกุมตัวกลับพยายามต่อสู้ขัดขืน

สอบสวนยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างจบการศึกษานิติศาสตร์ และเนติบัณฑิตยสภา เคยมีอาชีพเป็นทนายความ เป็นเจ้าของเปิดสำนักงานทนายความอยู่ที่ชลบุรี ก่อนเข้าไปพัวพันกับกลุ่มชาวต่างชาติชาวออสเตรเลียที่กระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด ทำให้ไม่ได้เป็นทนาย  ช่วงที่ผ่านมาได้ใช้ชีวิตแบบหลบๆซ่อนๆ เพราะได้หนีการประกันตัวชั้นศาล แอบถอดกำไลข้อเท้าทิ้ง ส่วนในคดีนี้ยืนยันว่ ไม่ได้ลงมือข่มขืนผู้เสียหาย และไม่ได้มีการแบล็กเมล์แต่อย่างใด อ้างว่าหญิงผู้เสียหายเป็นฝ่ายยินยอม ไม่ได้ฉ้อโกง แต่เป็นการขอยืมเงิน และยังติดหนี้หญิงผู้เสียหายอยู่แค่ 500,000 บาท  เอาเงินไปเล่นการพนันออนไลน์จนหมดแล้วไม่มีคืน ส่วนที่ภายในห้องพบสมุดบัญชีและซิมโทรศัพท์จำนวนมากนั้น เป็นของคนรู้จักไม่ได้มีการทำผิดกฎหมายใดๆ ส่วนภาพผู้เสียหายในเครื่องโทรศัพท์นั้นเป็นการเอามาจากเว็บไซต์และเป็นการแลกคอลเสียวกันโดยเต็มใจทั้งสองฝ่าย ย้ำว่า ไม่ได้มีการนำภาพมาแบล็กเมลล์

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล บอกว่า ไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะจากพยานหลักฐานได้วิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของผู้ต้องหา ประกอบกับภาพในโทรศัพท์ของผู้ต้องหา เป็นภาพการวิดีโอคอลลักษณะที่ฝ่ายหญิงผู้เสียหายเป็นฝ่ายเปิดภาพกล้องฝ่ายเดียวในสภาพเปลือยกาย ส่วนฝ่ายคนร้ายนั้นไม่มีการเปิดกล้อง เป็นเช่นนี้จำนวนหลายภาพ รูปแบบและเทคนิคการฉ้อโกงที่น่ากลัว และพยานหลักฐานที่พบสมุดจดในห้องนั้นมีการวิเคราะห์จุดอ่อนของเหยื่อไว้ด้วย คนร้ายในคดีนี้ถือเป็นภัยต่อสังคมอย่างยิ่ง มีจิตวิทยาสูง อาศัยความเชื่อเหยื่อในการดูดวง “ผมจะไม่ยอมให้คนเหล่านี้อยู่ร่วมในสังคมกับประชาชนทั่วไปได้ เพราะการกระทำเยี่ยงนี้สามารถทำลายชีวิตคนให้ตายทั้งเป็นได้เลย และขอเตือนภัยไปยังกลุ่มผู้ใช้แอปพลิเคชันหาคู่เหล่านี้ ล่าสุดเราพบข้อมูลในโทรศัพท์ของคนร้าย ยังคงมี User ออนไลน์ไว้ในระบบแอปหาคู่ชื่อดัง 2 แอปพลิเคชัน ใช้ชื่อโปรไฟล์ว่า “Tom”  ใช้ภาพโปรไฟล์เป็นหนุ่มหล่อ ให้ลองตรวจสอบโดยเร็วหากผู้ใดได้รับความเสียหายถูกหลอกลวงไปแล้วหรือกำลังจะหลงเชื่อ สามารถขอคำปรึกษาได้ทางเพจเฟซบุ๊กสืบสวนนครบาล IDMB ได้ตลอด 24 ชั่วโมง”