พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่งทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรม ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชุดปฏิบัติการที่ 5 และทีมสืบสวนนครบาลแกะรอยสืบสวนทำสงครามกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์รูปแบบ ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่สั่งการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์สร้างความเดือนร้อนให้ประชาชนอย่างเด็ดขาด ล่าสุด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 5 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สืบสวนไล่ล่าทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านกระทั่งจับกุมพนักงานคอลเซ็นเตอร์ดีเด่นสาย 3 ปลอมเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย และยังติดตามขยายผลผู้รวมขบวนการทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มอบหมาย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบบาล พ.ต.อ.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน ผู้กำกับการสืบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล และ พ.ต.ต.วรุฒ คำหล้า สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ควบคุมตัว น.ส.ขวัญนรินทร์ หรือนิว สายบุตร อายุ 23 ปี ที่อยู่ 78 หมู่ 7 ตำบลโคกสาร อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ ผู้ต้องหาทำหน้าที่ สาย 1 คอลเซ็นเตอร์ น.ส.นวลอนงค์ จากจะโป๊ะ อายุ 21 ปี ที่อยู่ 35/3 หมู่ 4 ตำบลมะค่า อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ผู้ต้องหาทำหน้าที่สาย 1 และหลังบ้านคอลเซ็นเตอร์ น.ส.สุทธิดา อายุวรรณะ อายุ 23 ปี ที่อยู่ 187 หมู่ 10 ตำบลพังตรุ อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี ทำหน้าที่สาย 1 ของแก๊งเช่นเดียวกัน
พฤติการณ์ในการกระทำความผิดเมื่อช่วงประมาณเดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม 2565 น.ส.ขวัญนรินทร์ หรือนิว สายบุตร และน.ส.สุทธิดา อายุวรรณะ เข้าทำงานเป็นพนักงานกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ รับบทพนักงานสาย 1 ทำหน้าที่หลอกผู้เสียหายอ้างเป็นพนักงาน Fed-X จัดฉากมีพัสดุตกค้าง ทำงานอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านได้รับค่าตอบแทนเบื้องต้นเดือนละ 20,000 บาท และได้รับเงินเพิ่มเติมจำนวนร้อยละ 5 จากยอดเงินที่สามารถหลอกลวงผู้เสียหายในประเทศไทยได้ รวมยอดเงินที่ทั้งคู่รับจากการทำงานในกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประมาณหลายแสนบาท ส่วน น.ส.นวลอนงค์ หรือหนูแดง จากจะโป๊ะ ทำหน้าที่ดูแลหลังบ้านคอลเซ็นเตอร์ในที่เดียวกัน มื่อประมาณเดือนเมษายน 2565 ถึงเดือนกันยายน 2565 ทำหน้าที่หาพนักงานมาทำงานเพิ่มเติม ได้รับค่าตอบแทนเป็นจำนวนหลักแสนบาท กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอรายนี้เคยหลอกลวงผู้เสียหายมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ได้แก่ เคยหลอกลวงครูเกษียณอายุราชการ ได้เงิน 11 ล้านบาท หลอกนักลงทุนหุ้น ได้เงิน 41 ล้านบาท และหลอกแพทย์ในจังหวัดชุมพรได้เงิน 101 ล้านบาท
สอบสวนผู้ต้องหาทั้งสามคนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาในชั้นจับกุม สองรายแรกมาประกอบอาชีพค้าขายส้มตำและอาหารอีสานซอยเพชรเกษม 77 ถนนเพชรเกษม แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร ส่วนอีกรายประกอบอาชีพขายข้าวแกงที่ตลาดนัดเพชรเกษม 77 ถนนเพชรเกษม กระนั้นก็ตาม น.ส.สุทธิดา อายุวรรณะ รับวเมื่อช่วงประมาณเดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม 2565 เข้าทำงานเป็นพนักงานกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ เป็นพนักงานสาย 1 ทำหน้าที่หลอกผู้เสียหายอ้างเป็นพนักงาน Fed-X มีพัสดุตกค้าง ได้ติดต่อคุยกับผู้เสียหายเป็นจำนวนหลายคนรับเงินรางวัลตอบแทนจำนวนหลายแสนบาท ก่อนหลบหนีกลับมาประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติมาประกอบอาชีพขาย
ด้าน น.ส.ขวัญนรินทร์ สายบุญให้การว่า เมื่อช่วงประมาณเดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม พ.ศ.2565 เข้าทำงานเป็นพนักงานกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ร่วมกับ น.ส.สุทธิดา อายุวรรณะ เป็นพนักงานสาย 1 ทำหน้าที่หลอกผู้เสียหายอ้างเป็นพนักงาน Fed-X อ้างว่ามีพัสดุตกค้างเช่นเดียวกัน รับค่าตอบแทนเบื้องต้นเดือนละ 20,000-30,000 บาท และได้รับเงินเพิ่มเติม จำนวนร้อยละ 5 จากยอดเงินที่สามารถหลอกลวงผู้เสียหายในประเทศไทย จากนั้นหลบหนีกลับมาประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติร่วมกับ น.ส.สุทธิดา อายุวรรณะ มาประกอบอาชีพขายส้มตำและอาหารอีสานที่ซอยเพชรเกษม 77
ส่วน น.ส.นวลอนงค์ หรือหนูแดง จากจะโป๊ะ ระบุว่า เมื่อเดือนเมษายน 2565 เดินทางไปกับแฟนหนุ่มข้ามชายแดน อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อที่จะไปทำงาน มีเพื่อนของเพื่อนชวนไปทำงาน ต่อมาทราบว่าเป็นงานเกี่ยวกับคอลเซ็นเตอร์ ต้องท่องจำบทและซ้อมในการคุยกับคนไทยทางสายโทรศัพท์ อ้างเป็นพนักงาน Fed-Ex แต่ไม่ถนัด และเนื่องจากมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานได้ผันตัวเป็นพนักงานหลังบ้านของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คอยหาคนไทยมาทำงาน ได้รับเงินเดือนเดือนละประมาณ 25,000-30,000 บาทเพียง 2 เดือนกลับมาที่ประเทศไทยโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับหัวหน้าในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถึงสามารถออกจากแก๊งได้ มาขายข้าวแกงที่ตลาดนัดเพชรเกษม 77 ถนนเพชรเกษม กรุงเทพมหานคร
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลยืนยันทำทุกวิถึทางตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จัดชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนติดตามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งประสานงานประเทศเพื่อนบ้าน และติดตามในประเทศไทยเพื่อดำเนินคดีและยึดทรัพย์สินที่ได้มา เพราะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนคนไทยเป็นจำนวนมาก และยังก่อเหตุต่อเนื่อง ฝากเตือนว่าเราจะติดตามจับกุมไม่ให้ท่านได้กลับมาใช้เงินอย่างสุขสบายอย่างแน่นอน