ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยเาสพติด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงจับกุมผู้ต้องหา 4 เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ผู้ต้องหา 14 คน รวมยาเสพติดของกลางไอซ์ 1.2 ตัน ยาบ้า 5.7 ล้านเม็ด คีตามีน 300 กิโลกรัม ยึดรถยนต์ 8 คัน และโทรศัพท์มือถือ 18 เครื่อง
คดีแรก กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 สกัดเครือข่ายยาเสพติด ขณะลำเลียงจากพื้นที่จังหวัดตากไปส่งให้กลุ่มเครือข่ายในจังหวัดสุพรรณบุรีพบรถกระบะต้องสงสัย 2 คัน จอดอยู่ในปั๊มน้ำมันถนนพหลโยธิน อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท เป็นรถคอยดูลาดเลา มีอีกคันขับตามถึงปั๊มน้ำมันในพื้นที่อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น ก่อนจับกุมนายธงชัย แซ่วื้อ อายุ 38 ปี กับนายเฉลิมชัย เหล่าวัฒนะ อายุ 34 ปี ทั้งคู่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ค้นพบไอซ์บรรจุในถุงสุญญากาศห่อด้วยถุงบรรจุชาเขียวรวม 1,000 กิโลกรัม ยาบ้า 1.4 ล้านเม็ด และคีตามีน 300 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ที่ท้ายกระบะ มีมะเขือ แตงกวา ผักกาดขาว ปกปิดอำพรางไว้ ขยายผลไปค้นบ้านพักของผู้ต้องหายึดของกลางเป็นรถกระบะที่ใช้ก่อเหตุ 2 คัน ทองรูปพรรณรวมมูลค่า 100,000 บาท และเงินสด 844,000 บาท สอบสวนทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก มีหน้าที่รับจ้างขับรถลำเลียงยาเสพติดจากอำเภอพบพระมาที่สุพรรณบุรีหลายครั้ง แต่ละครั้งจะได้ค่าจ้างไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท
อีกสองราย กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 4 จับกุมนายพรเชษฐ์ หรือหมู เพชรสุวรรณ อายุ 38 ปี นายกิตติภพ หรือกอล์ฟ ชัยสินธุ์ อายุ 21 ปี นายภานุมาศ หรือตั้ม คงเนียม อายุ 31 ปี น.ส.ปรียาภัทร หรือฟ้า ชูแก้ว อายุ 20 ปี และนายจิรเมธ หรือกว้า ศิริรักษ์ อายุ 23ปี ทั้งหมดเป็นชาวสงขลา ลำเลียงยาเสพติดจากอำเภอเชียงแสง จังหวัดเชียงราย ไปส่งให้ลูกค้าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก่อนจนมุมรีสอร์ตในพื้นที่จังหวัดตาก พร้อมของกลางยาบ้า 1.2 ล้านเม็ด
คดีสุดท้ายกองบังคับการสกัดกั้นลำเลียงยาเสพติดจับกุมนายณัฐวุฒิ หรือแฉะ อยู่สุข อายุ 33 ปี นายสุรัต หรือขาว กันเกิด อายุ 46 ปี และนายรังสี หรือตัน แสงใสแก้ว อายุ 44 ปี ทั้งหมดเป็นชาวพิษณุโลก ของกลางยาบ้า 3 ล้านเม็ด ไอซ์ 200 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในกล่องกระดาษภายในห้องโดยสารของรถตู้เพื่อลำเลียงจากภาคเหนือลงสู่ภาคกลางบนถนนสายเอเซีย อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้ต้องหาทั้งหมดจะนำยาเสพติดบรรจุใส่กล่องพัสดุ วางใส่ไว้ในรถตู้ด้วยการถอดเบาะด้านหลังออกนำไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง ทุกครั้งหลังจากส่งยาเสพติดเสร็จสิ้นจะมีการขายรถตู้ทิ้งนำเงินสดไปซื้อรถตู้คันใหม่มาใช้ขนยาเสพติดต่ออีกครัง
พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติบอกว่า ที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดบูรณาการทุกหน่วยงานเกี่ยวกับการสกัดกั้นยาเสพติดตามเส้นทางต่างๆ โดยเฉพาะเส้นทางรองที่คนร้ายมักใช้เป็นเส้นทางลำเลียง ส่วนกระแสข่าวที่ว่ากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดนำยาเสพติดมาหมุนเวียนแถลงข่าวจับกุมนั้น ขอยืนยันว่า กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดไม่มีการเก็บยาเสพติดของกลางไว้ที่หน่วยงานอย่างเด็ดขาด หลังจากแถลงข่าวเสร็จสิ้นทุกครั้งจะนำส่งตรวจพิสูจน์ก่อนจะนำไปทำลายต่อไป
สำหรับไอซ์ล็อตใหญ่ที่ถูกจับกุมครั้งนี้ พล.ต.อ.ชินภัทรเชื่อว่า ต้องมีผู้มีอิทธิพลตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้านอยู่เบื้องหลัง ใช้เส้นทางลำเลียงจากพื้นที่เขตอิทธิพลของชนกลุ่มน้อยเข้ามาในประเทศไทย จากนั้นจะส่งเข้าพื้นที่ชั้นใน ทั้งนี้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพตืดได้มีการประสานกับทางการเมียนมาในการเร่งรัดติดตามจับกุม ส่วนผู้ต้องหารายสำคัญบางรายที่อาศัยอยู่กับชนกลุ่มน้อยบางกลุ่ ที่ยังไม่สามารถติดตามจับกุมได้ ต้องยอมรับว่า ในการดำเนินคดีจะต้องให้แล้วเสร็จในความผิดของประเทศเพื่อนบ้านก่อน ถีงจะมีการส่งมอบตัวกันในภายหลัง ขอย้ำว่าการจับกุมยาเสพติดลอตนี้จะมีการขยายผลย้อนหลังความเชื่อมโยงกับคดีสำคัญเก่าๆด้วย
