ตำรวจ สอท.เปิดยุทธการปิดจ๊อบช็อปทิพย์

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 ร่วมกันแถลงข่าวผลการปฏิบัติการตามยุทธการ ปิด JOB – SHOP ทิพย์ จับกุมขบวนการหลอกขายสินค้าและบริการผ่านโซเชียลมีเดีย Ep-1

สืบเนื่องจากปัจจุบันคดีอาชญากรรมทางออนไลน์มีแนวโน้มสูงขึ้น เห็นได้จากภาพรวมการรับแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหายขอกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 – 28 กุมภาพันธ์ 2566  มีประชาชนเข้ามาแจ้งความที่ศูนย์รับเเจ้งความออนไลน์รวมกว่า 2 แสนเคส ในจำนวนนี้ ป็นเรื่องการหลอกขายสินค้าออนไลน์มากที่สุดถึง 7 หมื่นเคส ส่วนใหญ่เป็นการหลอกซื้อขายสินค้าและการบริการ รวมถึงการหลอกให้ร่วมลงทุนในรูปแบบต่างๆ ลักษณะคือเมื่อจ่ายเงินแล้วไม่ได้รับสินค้าหรือบริการตามที่ตกลงกันไว้

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นำข้อมูลที่ได้รับจากผู้เสียหายมาวิเคราะห์ จนระบุผู้กระทำผิดได้แล้ว 35 เป้าหมายตามพฤติกรรมมูลฐานความผิด ก่อนเปิดปฎิบัติการกวาดล้างตามยุทธการ ปิด JOB – SHOP ทิพย์ จับกุมขบวนการหลอกขายสินค้าและบริการผ่านโซเชียลมีเดีย Ep-1 ทั้งหมด 14 เป้าหมาย 53 หมายจับ ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ จากผลการปฎิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 26 คน เป็นตัวการของเครือข่ายได้ทั้งหมด 9 เครือข่าย รวมทั้งตรวจยึดของกลางเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือที่ใช้ในการกระทำความผิด พร้อมทั้งอายัดเงินในบัญชีธนาคารของผู้กระทำผิดและบัญชีม้าที่เกี่ยวข้อง

สำหรับ 14 เครือข่ายที่มีการออกหมายจับ แบ่งได้เป็น 4 ประเภท คือ การหลอกลวงซื้อขายสินค้าอุปโภคบริโภค  การหลอกลวงซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร  การหลอกลวงร่วมลงทุนธุรกิจสกุลเงินดิจิทัล และการลงทุนรูปแบบต่างๆ  และการหลอกลวงซื้อขายบัตรกำนัล การบริการการท่องเที่ยว  รับจ้างทวงหนี้ ส่วนจำนวนความเสียหายมากน้อยแตกต่างกันไป มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักล้าน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 35 ล้านบาท เครือข่ายที่มีความเสียหายมากที่สุด คือ เครือข่ายรับจ้างทวงหนี้กลุ่มแชร์ที่มิจฉาชีพจะอาศัยจังหวะที่ผู้เสียหายอยากได้เงินคืนเข้าไปหลอกลวงว่าจะรับจ้างทวงเงินให้ได้ แต่ไม่ได้ทำให้จริง ผู้เสียหายถูกหลอกถึง 2 เด้ง