ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ส่งทีมนักสืบเมืองหลวงแกะรอยสืบสวนนายหน้าว่าจ้างประชาชนให้ไปดาวน์รถจักรยานยนต์แล้วนำส่งขายออกประเทศเพื่อนบ้านทางชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ดำเนินการเร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุมทั้งขบวนการ
ต่อมา พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล อำนวยการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล นำกำลัง พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระรองออย รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผู้กำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผู้กำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รองผู้กำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ต.กฤตวัฒน์ ขุนอินทร์ สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ติดตามจับกุมตัวนายโอภาส บัวใหญ่ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ 13 ตำบลดอนจิก อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ได้ที่ห้องพักไม่มีเลขที่ แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร กล่าวหาว่า “เป็นบุคคลใดให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยประการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางให้กู้ยืมเงิน , ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฏหมายกำหนด” พร้อมรถจักรยานยนต์ของกลางรวม 27 คัน
สืบเนื่องจากปัญหาการก่ออาชญากรรมของกลุ่มมิจฉาชีพที่พยายามหาช่องทางและกลอุบายในการกระทำความผิด ทำให้ประชาชนและผู้ประกอบการที่สุจริตได้รับความเดือดร้อน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลได้วางแนวทางการป้องกันและปราบปราม สั่งการให้ พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผู้กำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ส่งทีมลงพื้นที่และแกะรอยอย่างต่อเนื่องกว่า 2 เดือน จนทราบตัวผู้กระทำความผิดเป็นนายหน้ารับซื้อรถจักรยานยนต์ คือ นายโอภาส บัวทอง ชักชวนกลุ่มบุคคลต่างๆ ให้ไปดาวน์รถจักรยานยนต์ตามร้านขายรถจักรยานยนต์ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร แลกผลตอบแทนเป็นจำนวนเงิน 30,000-50,000 บาท ตามประเภทของรถจักรยานยนต์ ก่อนนำรถไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน นำไปสู่การรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายค้นห้องพักไม่มีเลขที่ แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร พบรถจักรยานยนต์ซุกซ่อนอยู่ในห้องพัก 5 คัน และสามารถขยายผลเพิ่มเติมได้อีกจำนวน 12 คัน
ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ ขอรับสารภาพแค่ว่า ได้รับจำนำรถจักรยานยนต์ที่ติดสัญญาซื้อขายกับบริษัทไฟแนนซ์ต่าง ๆ เพียงเท่านั้น ให้เงินเป็นจำนวน 10,000-20,000 บาท เป็นการจำนำชำระเงินเป็นจำนวนเงินร้อยละ 10 ต่อเดือนจนกว่าจะนำเงินต้นมาคืนให้ ส่วนเรื่องการจ้างดาวน์รถอ ไม่ทราบและไม่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด กระนั้นก็ตาม พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลระบุว่า กลุ่มมิจฉาชีพได้มีการหาช่องทางและกลอุบายในการกระทำความผิดในรูปแบบใหม่ๆ ทำให้ผู้ประกอบการที่ประกอบอาชีพอย่างสุจริตได้รับความเดือดร้อนรวมถึงประชาชนที่ไม่ได้ทราบถึงการกระทำของตนตกเป็นเหยื่อเพียงเพราะต้องการทรัพย์สิน ตำรวจจะเร่งดำเนินการขยายผลติดตามจับกุมทั้งขบวนการ พร้อมทั้งขอแจ้งเป็นข่าวสารให้ประชาชนได้รับทราบว่า การกระทำดังกล่าวนั้น เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย งสามารถถูกบริษัทไฟแนนซ์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แจ้งความในคดียักยอกทรัพย์ได้