ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริต ก่อนที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลจะได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากคู่สามีภรรยาผู้เสียหายว่าถูกเสี่ยแป๋ม ต้อม หรือหนึ่ง และอีกหลายชื่อ ลักทรัพย์สินเงินทองเป็นค่าสินสอดไว้ หลังตีสนิทกับพี่สาวของผู้เสียหาย มีการหลอกลวงให้เชื่อว่า เป็นเจ้าของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง มีฐานะดี หวังอยู่กินแบบสามี-ภรรยากับพี่สาวเหยื่อ ปรากฏว่า ก่อนแต่งงานวันเดียวได้ลักทรัพย์สินที่เตรียมไว้เป็นสินสอดเป็นทองคำหนัก 14 บาท พระเลี่ยมทอง 2 องค์ เงินสดอีกจำนวนหนึ่ง สร้างความเดือดร้อนจนเป็นที่ต้องการตัวมากเ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล จับทีมนักสืบแกะรอยล่ามาดำเนินคดีด่วน
ต่อมา พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.ไกรวิทย์ อุณหก้องไตรภพ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุขผู้กำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท ณัฐวุฒิ สีเสมอ พ.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง รองผู้กำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล สั่งการให้ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ต.กิติพัฒน์ ใจอารีรอบ สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ต.สมพร คำเกตุ สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พร้อมกำลังออกตามจับกุม นายปิยะศักดิ์ เรืองฤทธิ์ อายุ 45 ปี อยู่ที่ บ้านเลขที่ 74 ซอยเอกชัย 81 แขวงคลองบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร ได้ที่บริเวณห้องพักเลขที่ 317 โรงแรม 39 อินน์ 26/5 หมู่ 4 ซอยสุขสวัสดิ์ 39 ถนนสุขสวัสดิ์ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ
พฤติการณ์ในคดีเกิดขึ้นท้องที่สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ผู้ต้องหารู้ว่า ผู้เสียหายกำลังจะแต่งงานได้มีการเตรียมทรัพย์สินเงินทองเป็นค่าสินสอดไว้ ทำทีเข้ามาตีสนิทพี่สาวของเหยื่อ มีการหลอกลวงให้เชื่อว่าเป็นเจ้าของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง มีฐานะดี หวังอยู่กินแบบสามี-ภรรยากับพี่สาวผู้เสียหาย กระทั่งก่อนวันลงมือได้ขอเข้ามาดูห้องของผู้เสียหาย เพราะอ้างว่าจะย้ายมาอยู่กินกับพี่สาวที่อพาร์ตเมนต์เดียวกัน ขอยืมรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหา ที่มีกุญแจคีย์การ์ดเข้าห้องฉวยเข้าไปลักทรัพย์สินที่เตรียมไว้เป็นสินสอดในห้อง เป็นทองคำหนัก 14 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง 2 องค์ เงินสดอีกจำนวนหนึ่งแล้วหลบหนีไป
ขณะเดียวกัน ผู้ต้องหารายนี้ได้ถูกประกาศแจ้งเตือนในสื่อสังคมออนไลน์จากหลายช่องทางให้ระมัดระวัง เนื่องจากได้ก่อเหตุในลักษณะนี้อยู่หลายครั้ง เมื่อปี2563 ไปตีสนิทหลอกผู้เสียหายรายหนึ่งเป็นหญิงให้ลงทุนซื้อขายทอง มีการโอนเงินไปยังบัญชีผู้ก่อเหตุ รวมเป็นเงินเกือบ 8 ล้านบาท แล้วหลบหนีไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีไว้ จากการตรวจสอบในระบบยังพบมีหมายจับอีก 2 หมาย คือ หมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่90/2566 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2566 ข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถาน และหมายจับของศาลแขวงชลบุรี ที่41/2563 ลงวันที่16 มีนาคม 2563 ข้อหายักยอก
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลอยากขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพที่ก่อเหตุโดยการใช้อุบายหลอกลวง สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ หลอกเป็นคนมีฐานะดี ชอบโชว์รูป สร้างโปร์ไฟล์เศรษฐีในโลกโซเชี่ยล แล้วก่อเหตุลักทรัพย์ หรือชักชวนให้ลงทุนเอาเงินทองไป ครอบครัว หรือญาติพี่น้องอาจมีโอกาสตกเป็นเหยื่อได้ หากประชาชนท่านใ ได้รับความเดือดร้อนจากมิจฉาชีพในลักษณะเดียวกัน สามารถขอความช่วยเหลือมายังสืบสวนนครบาลเพื่อที่จะดำเนินการติดตามจับกุมคนร้ายมาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วต่อไป เราจะไม่ปล่อยภัยร้ายสังคมไว้