ทัศนคติที่ดี  อ่อนนอกแข็งใน-มีจุดยืนของตัวเอง

 

าชีพข้าราชการเป็นอาชีพเดียวที่ฝันมาตั้งแต่เด็กว่าอยากรับราชการ ตอนเด็กอยากเป็นเพราะครอบครัวเรารับราชการมาตั้งแต่สมัยคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายจนมาถึงคุณพ่อคุณแม่ ทำให้ซึมซับการทำงาน โดยเฉพาะจากคุณพ่อ คุณพ่อเป็นสัตวแพทย์ ที่ทำงานลงพื้นที่ ใกล้ชิดชาวบ้าน เลยมีความฝันอยากทำงานแบบพ่อ ทำงานเพื่อชาวบ้าน ชอบงานที่ได้ลงไปคลุกคลีกับชาวบ้าน พอโตมาความฝันเราก็ชัดขึ้นว่า อาชีพข้าราชการคืออาชีพที่สร้าง impact กับคนจำนวนมาก ถ้าเราได้เป็นข้าราชการ จะตั้งใจทำงาน เพื่อประชาชน คิดแบบนี้จริงๆ ค่ะ ตอนนี้ดีใจมากที่ได้ทำงานที่กระทรวงแรงงาน ได้เป็นฟันเฟืองเล็กๆ ช่วยเหลือพี่น้องผู้ใช้แรงงาน อยู่ที่บ้านบางวันนอนอยู่ พ่อก็ปลุกไปตอบคำถามเกี่ยวกับแรงงานให้เพื่อนบ้าน ขำพ่อ ปลุกลูกมาทั้งชุดนอน แต่เราก็สนุกดี” เบลล่าชญานันทน์ ฉัตรมาศ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงแรงงาน เปิดบทสนทนาเกี่ยวกับการมาทำงานรับราชการ

กว่าจะมาเป็นข้าราชการสาวคนเก่ง เธอจบชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนบรมราชินีนาถราชวิทยาลัย เคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ที่เมืองซานดิเอโก มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา จบปริญญาตรีและปริญญาโท คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ก่อนได้ทุนรัฐบาล (ทุนสำนักงานประกันสังคม) ไปศึกษาต่อปริญญาโทใบที่ 2 ในสาขากฎหมายระหว่างประเทศ (International Law) ที่ University of Aberdeen สหราชอาณาจักร ได้เกียรตินิยมอันดับ 2 กลับมาเป็นข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง (Hipps) ของสำนักงาน กพ.

คติประจำใจ คือ อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ  ความอ่อนโยน คือ เสน่ห์ แต่ความอ่อนโยนไม่ได้หมายว่าอ่อนแอ และความไม่อ่อนแอ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอ่อนโยนไม่ได้ ยิ่งเป็นผู้หญิงความอ่อนโยนคือสิ่งที่พระเจ้าให้มาตั้งแต่เกิด ความอ่อนโยนสามารถใช้ได้ทุกสถานการณ์ ทั้งเรื่องงาน ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ผู้หญิงอ่อนโยน มีเสน่ห์มากๆ ในเรื่องงานก็ทำให้งานราบรื่น ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างก็ราบรื่น แต่อย่างที่บอก เราไม่ได้อ่อนแอ

  “ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เป็นคนที่ตั้งใจทำทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องงาน ชอบทำงานมาก สมมติมีพลัง 100 ทำ 200 เป็นคนประเภทพุ่งชน สไตล์การทำงานของเราคือ นิยามตัวเองว่าเป็นนักบวก อะไรไม่รู้แหละ พุ่งไปหาก่อน ไม่กลัวปัญหา เพื่อนๆจะบอกว่าเรานิสัยเหมือนผู้ชายและโชคดีที่ได้รับโอกาสจากผู้บังคับบัญชาหลายๆท่านให้ทำงานที่ยาก ที่ท้าทาย เราชอบมาก สนุกกับการทำงานทุกวัน ส่วนไอดอล คือ คุณพ่อกับคุณแม่ คุณพ่อเป็นต้นแบบของการเสียสละ ความมีน้ำใจ นึกถึงคนอื่นก่อนเสมอ คุณแม่คือ ต้นแบบของความแข็งแกร่ง แต่อ่อนโยน” เบลล่าอธิบายด้วยรอยยิ้ม

นอกจากนี้ เธอยังบอกว่า เป็นคนเซนซิทีฟกับเรื่องหรือคนที่เราให้ความสำคัญ แต่อะไรที่ไม่สำคัญจะตัดทิ้งเลย  แต่ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนลืมง่าย ถือเป็นข้อดี  เพราะหากเราโฟกัสปัญหา เราก็จะไปต่อไม่ได้ เรามีเป้าหมายชีวิตเยอะมาก และค่อนข้างชัดเจน บอกกับตัวเองว่าเราต้องไปต่อ เศร้านานไม่ได้ แต่ช่วงเฟลก็มี แต่ได้กำลังใจจากเพื่อน คนใกล้ตัว ที่คอย support ให้กำลังใจตลอด

“เวลาเจอเรื่องหนักๆที่ทำงาน เดินร้องไห้เข้าบ้านก็มี เขาก็ให้กำลังใจ เข้าใจ เราก็หายเหนื่อย ตื่นเช้ามาเข้ายิม ไปวิ่ง ออกกำลังกาย วันหยุดเสาร์อาทิตย์ไปเที่ยวต่างจังหวัด นอนพัก อ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม แค่นี้พอแล้ว หายแล้ว ง่ายมากเลย”

ส่วนประสบการณ์การทำงาน เธอว่า ตั้งแต่เรียนโรงเรียนประจำตั้งแต่ ม.1-6 ต้องดูแลตัวเองตั้งแต่อายุ 13 ปี  พ่ออยากให้เข้มแข็ง ดูแลตัวเองได้ เพราะเราเป็นผู้หญิง  พ่อคิดถูกมาก เราได้ประสบการณ์จากโรงเรียนประจำหลายอย่าง ทั้งการดูแลตัวเอง การอยู่ร่วมกันกับคนอื่นซึ่งมันสำคัญมาก ๆ ทำให้เข้าใจบริบทของแต่ละคน การเข้าสังคม ความมีน้ำใจกับเพื่อน ความเสียสละ ความเป็นผู้นำ ตอนนั้นเราต้องเป็นประธานหอพักเป็นรองประธานนักเรียน ดูแลน้องๆ เป็นร้อยคน ตรงนั้นก็ได้ฝึกความเป็นผู้นำ

  เบลล่ายังมีมุมมองผู้หญิงสวยและเก่งว่า ผู้หญิงทุกคนมีความสวยในแบบของตัวเอง แต่ผู้หญิงมีเสน่ห์ มันทำให้ความสวยพุ่งออร่าออกมา ผู้หญิงมีเสน่ห์ คือ ผู้หญิงที่มีทัศนคติที่ดี เข้มแข็ง อ่อนนอกแข็งใน มีจุดยืนเป็นของตัวเอง แต่ไม่ก้าวร้าว ไม่แข็งกระด้าง พูดจาไพเราะ มีอารมณ์ขัน อยู่ใกล้แล้วมีความสุข

“ส่วนผู้หญิงเก่งไม่ใช่ผู้หญิงเรียนเก่ง หรือทำงานเก่งอย่างเดียว แต่คือผู้หญิงที่สามารถดูแลตัวเองได้ เฉลียวฉลาด จัดการปัญหาได้ มีความประนีประนอม และแบกรับความกดดันได้ ตอนที่เราดูหนังคังคุไบ คำพูดท่อนหนึ่งที่บอกว่า  Women are the embodiment of power, wealth and intelligence ผู้หญิงเป็นศูนย์รวมของอำนาจ ความมั่นคง และสติปัญญา นี่คือนิยามผู้หญิงเก่งของตัวเองเลย”

สำหรับเป้าหมายในชีวิต เธอแบ่งเป็นช่วงๆ ตามอายุ ช่วงเรียน ช่วงวัยทำงาน ช่วงสร้างครอบครัว ถ้าช่วงเวลาเรียนถือว่าประสบความสำเร็จแล้วตามที่เราตั้งเป้าหมายไว้ การทำงานทุกวันนี้ถือว่า ประสบความสำเร็จในแบบของตัวเอง การประสบความสำเร็จเรื่องงานไม่ได้หมายถึงตำแหน่ง แต่หมายถึงว่าได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ มีความสุขในการได้ทำงาน ตื่นเช้ามาอยากมาทำงานทุกวัน ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ส่วนเรื่องครอบครัว ความสัมพันธ์ ก็มีวางแผน คุยๆ ไว้บ้างแล้ว แต่ตอนนี้ขอทำงานก่อน “ผู้หญิงในยุคปัจจุบันกับสมัยก่อนว่า บทบาทอาจจะต่างกัน ด้วยสภาพสังคม หน้าที่ ความรับผิดชอบที่เปลี่ยนไป แต่ความเป็นผู้หญิง ทุกยุคทุกสมัย ไม่เปลี่ยนเลย” เบลล่าทิ้งท้าย

 

RELATED ARTICLES