จะมีผู้สมัครผู้แทนราษฎรคนไหนกล้ารับปากที่จะแก้ปัญหาอาชญากรรมที่กำลังเป็น “ภัยประจำวัน” ใกล้ตัวชาวบ้าน
นโยบาย “ขายฝัน” สักวันจะเป็นจริงอย่างที่ประชาชนวาดหวังไว้แค่ไหน
พิษของยาเสพติดและการพนันออนไลน์กระจายเกลื่อนสู่รากหญ้าแทรกซึมนำไปสู่คดีสะเทือนขวัญมากมาย
คงไม่มีใครเป็น “เหยื่อรายสุดท้าย” ตราบใดการบังคับใช้กฎหมายอ่อนแอ
น.ส.วรรณา ตันติวณิชย์ อายุ 52 ปี เสียชีวิตในกองเพลิงร้านรับซื้อของเก่า ร่มโพธิ์รีไซเคิล หน้าหมู่บ้านร่มโพธิ์ เลขที่ 187/47 หมู่ 1 ถนนบางกรวยไทรน้อย ตำบลบางรักพัฒนา อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2566
คดีมีเงื่อนงำส่อแววไปทางฆาตกรรมอำพราง
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 มอบหมาย พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี พ.ต.อ.คมกฤษณ์ คำบุศย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางบัวทอง ประสาน พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 ส่ง พ.ต.ท.พูนสุข เตชะประเสริฐพร รองผู้กำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 ร่วมคลี่คลาย
กระทั่งจับกุมตัว นายพงษ์ภัทร หรือ แจ๊ค จันทรเสนา อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 หมู่ 12 ตำบลอุ้มจาน อำเภอประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี หลานเขยของสามีผู้ตายเป็นคนลงมือเพื่อชิงทรัพย์สร้อยข้อมือทองคำไปแค่ 1 บาท
ตามไปรวบตัวได้ที่บ้านเลขที่ 11 หมู่ 5 ตำบลบางพลี อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตรวจยึดสร้อยข้อมือทองคำของกลางได้จากร้านทองแห่งหนึ่งตำบลบางโพธิ์เหนือ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ที่คนร้ายนำไปขาย
ท่ามกลางเสียงตะโกนสาปแช่งของญาติผู้ตาย เพราะเป็น หลานชายเนรคุณ เลี้ยงเสียข้าวสุก ให้โอกาสมาทำงานที่ร้านแล้วยังลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยม
หลังจากรับสารภาพว่า ก่อเหตุฆ่า น.ส.วรรณา ตันติวณิชย์ 52 ปี จริง เพราะตั้งใจจะเข้าไปที่ร้านเพื่อขโมยของ ทว่าผู้ตายตื่นมาเจอแล้วบอกว่าจะโทรศัพท์ฟ้องนายสุทโธ รินเพ็ง ผู้เป็นสามี
อ้างกลัวจะถูกดำเนินคดี ปรี่ไปแย่งโทรศัพท์ที่ผู้ตายกำลังตะโกนร้องให้คนช่วย ก่อนใช้ผ้าอุดปากเพื่อไม่ให้ผู้ตายส่งเสียงร้องแล้วใช้สายไฟมัดมือมัดเท้า
คว้ามีดปาดคอจนเสียชีวิต ก่อนปลดเอาสร้อยข้อมือทองคำ 1 บาท
หลังจากนั้นจุดเทียนและเอาเศษกระดาษทำเป็นเชื้อเพลิงทำให้เกิดเพลิงไหม้ในร้านขายของเก่าหวังจะอำพรางศพ
หนีเอาสร้อยทองไปขายเพื่อนำเงินซื้อยาบ้าเสพและใช้หนี้พนันออนไลน์
ตรวจสอบประวัติยังพบเคยต้องโทษมาแล้ว 4 ครั้ง คดีแรกปี 2550 ข้อหาจำหน่ายยาเสพติด ท้องที่สถานีตำรวจภูธรปากคลองรังสิต จังหวัดปทุมธานี คดีที่สองปี 2556 ข้อหาลักทรัพย์ ท้องที่สถานีตำรวจภูธรศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี คดีที่สามปี 2557 ข้อหาลักทรัพย์ ท้องที่สถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา คดีสุดท้ายปี 2564 ข้อหาลักทรัพย์ ท้องที่สถานีตำรวจภูธรเมืองอุดรธานี
พ้นคุกออกมาไม่เข็ดหลาบขอมาทำงานร้านรับซื้อของเก่าตกเป็น “ทาสยานรก” ลักเล็กขโมยน้อยจนถูกไล่ออก
ก่อนย้อนกลับมาก่อเหตุฆาตกรรมอำมหิต
ภัยสังคมตัวจริง