กำลังบานปลายเป็นไฟลามทุ่ง
ปืนซิกซาวเออร์ รุ่น 320 ขนาด 9 มิลลิเมตรจากประเทศสหรัฐอเมริกา ตามโครงการให้สิทธิข้าราชการตำรวจสั่งซื้อในราคาพิเศษเพื่อเป็นสวัสดิการแก่ข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ
มีข้าราชการตำรวจขอซื้อปืนจำนวน 152,468 รายที่รอคอยนานกว่า 2 ปีกว่าอาวุธปืนลอตแรกจะเดินทางมาถึงเมืองไทย
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวกการขอใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน (แบบ ป.3) ไปยังปลัดกระทรวงมหาดไทย ตามบัญชีรายชื่อที่ขอจำนวนดังกล่าว
ให้นายทะเบียนท้องที่กำหนดเงื่อนไข “ห้ามโอนเว้นแต่ตกทอดทางมรดก”ไว้ในใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4)
ต่อมา นายประยูร รัตนเสนีย์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทยมีหนังสือไปถึงผู้ว่าราชการทุกจังหวัดขอความอนุเคราะห์แจ้งนายทะเบียนท้องที่และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกข้าราชการตำรวจผู้มีสิทธิซื้ออาวุธปืนตามโครงการจัดหาอาวุธปืนเพื่อเป็นสวัสดิการแก่ผู้ที่มายื่นคำร้องขอใบอนุญาตจัดซื้ออาวุธปืน (แบบ ป.3) ต่อนายทะเบียนท้องที่
พอเอาเข้าจริงหลายอำเภอกลับเล่น “ลูกนักเลง” ทำหัวหมอขอประวิงเวลาตรวจสอบ
ทั้งที่ ตำรวจทุกคนมีความประสงค์ขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืนเพื่อนำไปใช้ปฏิบัติหน้าที่สืบสวนสอบสวนป้องกันปราบปรามและใช้ป้องกันทรัพย์สินของตัวเอง
นายอำเภอบางคนแทงขั้นตอนการขออนุญาต
ต้องทำประชาคมหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ
ตรวจสอบความรู้เรื่องอาวุธปืนกับนายอำภอ พร้อมสถานที่เก็บ
มีอาวุธปืนเดิมอยู่แล้วกี่กระบอก
อีกทั้งต้องทำพิธีมอบใบ ป.4 (สาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์)
ส่วนปลัดอีกอำเภอทำหนังสือขอตรวจสอบประวัติผู้ยื่นคำร้องขอซื้ออาวุธปืนถึง ผู้กำกับโรงพัก ต้นสังกัด และขอให้โรงพักพิมพ์ลายนิ้วมือและตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของนายตำรวจผู้ยื่นคำร้อง
ตั้งแต่ เคยต้องโทษจำคุกสำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่ เคยต้องโทษจำคุกตั้งแต่สองครั้งขึ้นไปในระหว่างห้าปีย้อนขึ้นไปจากวันยื่นคำขอมีอาวุธปืนหรือไม่ เคยต้องโทษจำคุกสำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พุทธศักราช 2490 หรือไม่
เคยต้องโทษจำคุกสำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษหรือไม่ รวมถึงเป็นผู้มีพฤติการณ์เกี่ยวกับยาเสพติด มีชื่อในบัญชีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่
งานนี้ ทำเอานายตำรวจผู้ยื่นคำร้อง ขอซื้ออาวุธปืนสวัสดิการ “หัวร้อน” ตัดสินใจเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวัน
ปฏิเสธการพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรรม
เนื่องจากรับราชการตำรวจมีหน้าที่ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมได้รับการยกเว้นไม่ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อตรวจสอบประวัติ เพียงว่าให้มีหนังสือรับรองความประพฤติจากผู้บังคับบัญชาระดับผู้กำกับการเท่านั้น
ข่าวว่า กรมการปกครองทราบเรื่องการใช้ดุลยพินิจของนายทะเบียนที่เกินกว่ากฎหมายและแนวทางปฏิบัติที่กำหนดไว้ จึงมีข้อสั่งการเน้นย้ำให้นายทะเบียนท้องที่ทุกแห่งได้ถือปฎิบัติตามหนังสือสั่งการกระทรวงมหาดไทยให้ความอนุเคาะห์อำนวยความสะดวกแก่ข้าราชการตำรวจที่ไปยื่นคำร้องขออนุญาตซื้อปืน (แบบ ป.3)
หากพบว่า ไม่ปฏิบัติตามหนังสือสั่งการดังกล่าวหรือมีการกระทำที่เป็นการทุจริตจะดำเนินการทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด
เพราะมันบาดหัวใจเหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่บังอาจอ้างเอากฎหมายมาตั้งแง่ผู้รักษากฎหมาย !!!