แกะรอยรวบ “อาฟู่”ล่ามบอสใหญ่คอลเซนเตอร์

 

กรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (สแกมเมอร์) ออกระบาดหนักในช่วงปี 2565 จนถึงปัจจุบันสร้างโปรไฟล์หนุ่มหล่อ/สาวสวยปลอมขึ้นมาออกอุบายทำทีเข้ามาติดต่อพูดคุยตีสนิทจนกลุ่มเหยี่อผู้เสียหายจนตายใจ บางรายถึงขั้นหลงรักยอมร่วมลงทุนจนหมดตัวสูญเงินหลายล้านบาท สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 5  ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งติดตามสืบสวนขยายผลจนสามารถออกหมายจับสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเข้าจับกุมเครือข่ายสมาชิกได้อย่างต่อเนื่อง 6 ราย ซัดทอดตัวการสำคัญ คือ นายสุรชัย แซ่จาง ล่ามภาษาไทย-จีน คนสนิทบอสใหญ่มังกรจีนในขบวนการ ทำหน้าที่แปลเทคนิค ขั้นตอนการเรียนรู้ การพูดจูงใจ สร้างแรงบันดาลใจ ในการนำมาใช้หลอกลวงเหยื่อโดยเฉพาะให้แก่พนักงานลูกจ้างที่ทำหน้าที่ แถว 1 แถว 2 และ แถว 3 อย่างเป็นระบบ ไม่ต่างจากบริษัททั่วๆ ไป สร้างมูลค่าความเสียหายกว่า 16 ล้านบาท เจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามมากว่า 1 ปีอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 5  ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  อำนวยการให้ พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนยตำรวจนครบาล พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล  ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล  พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์  ทองแพ  ผู้กำกับการ (สอบสวน) กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.สามารถ พันธ์ล้วน ผู้กำกับการ (สอบสวน) กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล  พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผู้กำกับการ (สอบสวน) กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล  นำกำลัง พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล  พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตรำวจภูธรภาค 2 พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ จงเจริญ สารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจนครบาลบางกอกใหญ่ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สารวัตร (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 4  ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ รองสารวัตรกองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2  ร.ต.อ.หญิง ธิดารัตน์ ผดุงประเสริฐ รองสารวัตรกองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 นำกำลังสืบสวนติดตาม

กระทั่งจับกุมตัวนายสุรชัย หรืออาฟู่ แซ่จาง อายุ 27 ปี ที่อยู่ 551 หมู่ 1 ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 39๕/2565 ลง 13 สิงหาคม 2565 ข้อหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันเป็นอั้งยี่ , ร่วมกันเป็นซ่องโจร , ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และร่วมกันฟอกเงิน ” ได้บริเวณหน้าหอพักคนงาน ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี สอบสวนให้การภาคเสธ แต่แนวทางการสืบสวนพบประมาณปี 2564 พร้อมกับนายสุรจิต  แซ่จาง สมัครงานผ่านเฟซบุ๊ก เพื่อไปเป็นล่ามแปลภาษา จีน-ไทยที่สีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา แลกค่าตอบแทนประมาณ 30,000 – 40,000 บาทแล้วถูกพาไปทำงานที่ “เกาะกง” เป็นล่ามแปลภาษาจีนจากหัวหน้าชาวจีนไม่ทราบชื่อจริง พนักงานที่นั้นจะเรียกกันว่า “หยู่เกอ”

ผู้ต้องหาทำหน้าที่ล่ามแปลคำพูดของนายหยู่เกอเป็นภาษาไทยให้พนักงานที่ทำงานที่นั่นเป็นคนไทยไปทำงานคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้ลงทุนซื้อขายเงินสกุลดิจิทัล คริปโตเคอเรนซี่  นาย “หยู่เกอ” เป็นคนสร้างแอปพลิเคชันปลอมขึ้น หลังจากทำงานได้ 6 เดือนได้หลบหนีกลับประเทศไทย สร้างครอบครั เปิดกิจการร้านเหล้าในตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ก่อนมาจนมุมตำรวจระหว่างไปทำธุระอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

อย่างไรก็ตาม การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเพิ่มเติมยังพบแผนประทุษกรรมของแก๊งสแกมเมอร์กลุ่มนี้เปิดปฏิบัติการใช้โปรแกรมสร้างแพลตฟอร์มปลอมที่ชื่อว่า “surlars-pro.com” และ “biteeb.com” หลอกให้ลงทุนซื้อขายเหรียญคริปโต จ นาย “หยู่เกอ” บอสใหญ่ชาวจีนจะให้ “อาฟู่” และน้องชายทำหน้าที่ล่ามในการแปล ถอดคำพูดและวิธีการสอนให้พนักงานที่มาทำงาน ในการสร้างโปรไฟล์ หนุ่มหล่อ สาวสวย หน้าตาดีทางแอปพลิเคชันผ่านทางกูเกิลหรือโปรแกรมมาริโอที่สร้างไว้โดยเฉพาะ เช่น twitter จำนวน 10-40 บัญชี และ  Instragram จำนวน 1 บัญชี และ facebook จำนวน 1 บัญชี

โดยเฉพาะการสมัครแอปพลิเคชันทวิตเตอร์ (twitter) จะมีระบบโปรแกรมมาริโอที่สร้างไว้สุ่มเข้ามาพูดคุยและทักทายทำความรู้จัก ตีสนิทติดตามเหยื่อก่อน เมื่อเหยื่อรับเป็นเพื่อนและติดตามคนร้ายกลับมาจะมีข้อความที่ตั้งไว้ตอบกลับอัตโนมัติในลักษณะคำทักทายเป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนื่องจนเหยื่อเริ่มพูดคุย มีการสนทนาโต้ตอบ กลุ่มมิจฉาชีพจะเริ่มใช้จิตวิทยาและประสบการณ์ที่ได้รับการถ่ายทอดจากบอสใหญ่ในการสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล อาทิ ชื่อ อายุ งาน ประเทศ เบอร์โทร วอทแอพ (WhatsApp) หากเหยื่อรายใดเริ่มมีความคุ้นเคยจะถามถึงสภาพคล่องทางการเงิน รายรับ-รายจ่ายของเหยื่อจนกลุ่มแก๊งสแกมเมอร์กลุ่มนี้วิเคราะห์และประเมินได้ว่า เหยื่อมีรายได้และมีความสามารถในการลงทุน คนร้ายจะชักชวนร่วมลงทุน ให้เหยื่อดาวน์โหลดแพลตฟอร์ม bitkub, M.omxmax, Binace และ Letraders พร้อมทั้งสอนวิธีการซื้อขายเงินสกุลดิจิทัลคริปโตเป็น USDT, LTC, GLOE, BTC, ETH, WPE แนะนำเชิญชวนให้ลงทุนโอนเงินดอลล่าร์และจะให้เห็นว่าลงทุนแล้วได้กำไรและถอนเงินได้จริง เปลี่ยนให้เป็นเงิน USDT

พอเหยื่อลงทุนแล้วจะให้โอนเงิน USDT เข้าไปในแพลตฟอร์ม ชื่อว่า “surlars-pro.com” และ “biteeb.com” ที่สร้างขึ้นปลอมเป็นการเลี้ยงเหยื่อให้ลงทุนเพิ่ม นาย “หยู่เกอ” จะหลอกลวงโดยสร้างกราฟปลอมแสดงกราฟขาขึ้น ให้เหยื่อดูเพื่อแสดงยอดเงินกำไรโชว์ให้เหยื่อลงทุนเพิ่ม หากเหยื่อจะถอนเงินที่ได้จากผลกำไร แก๊งมิจฉาชีพจะเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมจ่ายเป็นค่าภาษี หากไม่ชำระภายในกำหนดก็ไม่สามารถจะถอนเงินได้ เป็นการหลอกผู้เสียหายซ้ำไปซ้ำมาจนเกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลเผยว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งตรงให้ติดตามจับกุมอาฟู่ มือขวาบอสใหญ่ชาวจีนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (สแกมเมอร์) จุดเกาะกง กัมพูชา เป็นบุคคลที่ทางการไทยต้องการตัวมาก เพราะเป็นคนสอนเทคนิคการหลอก คอลเซ็นเตอร์ แถว 1 – แถว 3 โทรมาหลอกคนไทย แม้มีปัจจัยด้านต่าง ๆ แต่เราเกาะติด เฝ้าติดตามคนร้ายมาตลอดเพื่อเป็นการตัดรากถอนโคนองค์กรอาชญากรรมให้สิ้นซาก ป้องกันมิให้ประชาชนคนไทยตกเป็นเหยื่อตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

“ขอฝากเตือนประชาชนที่คิดจะไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านควรจะตรวจสอบให้แน่ใจเสียก่อนว่า อาชีพ หรือลักษณะงานที่จะไปทำนั้นเป็นในลักษณะแก๊งคอลเซนเตอร์หรือไม่ และขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนคนไทยอย่าได้หลงเชื่อกลวิธีเของแก๊งคอลเซนเตอร์ (สแกมเมอร์) ที่ชักชวนลงทุน หรือหากท่านมีเบาะแสสามารถติดต่อไปยัสายด่วน 1441 ตำรวจไซเบอร์ หรือ ศูนย์ปราบปรามอาชญษกรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  081-8663000 ผู้เสียหายยังสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com หากมีเบาะแสการกระทำความผิด โปรดแจ้งมายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที” พล.ต.ต.ธีรเดชว่า

RELATED ARTICLES