“ไข่เล็ก” น้องคนเล็กแห่ง “สี่พี่น้องไทยสยาม” ตำนานแก๊งตีนแมวเลื่องชื่อแห่งยุคสมัย Y2K กวาดทรัพย์ไปรวมทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 29 ล้าน ล่าสุดพ้นโทษออกมาเมื่อปลายปี 2565 แต่ยังคง“ลุ่มหลง” ในเส้นทางสายโจร ตระเวนก่อเหตุย่องเข้าบ้านประชาชนไม่ต่ำกว่า 5 หลังคาเรือนกวาดทรัพย์สินไปรวมไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาทครั้งนี้มีการพัฒนารูปแบบการก่อเหตุจนเป็น “ตีนแมวขั้นเซียน” ก่อเหตุอย่างแนบเนียน รู้ช่องทางการหลบหลีกเจ้าหน้าที่อย่างทะลุปรุโปร่ง สร้างความยากลำบากให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ในการค้นหาพยานหลักฐานเป็นอย่างมาก
พยานหลักฐานเกือบทุกคดีที่ตีนแมวรายนี้เรียกได้ว่า “เบาบาง” แม้เจ้าหน้าที่จะใช้ความพยายามสุดความสามารถแล้วก็ตาม กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่เกิดเหตุได้รายงาน “ความแสบ” ของคนร้ายแก่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่ง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้งคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล หัวหน้าชุดปฏิบัติการ 5 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อม “ทีมสืบสวนระดับพระกาฬ” ลงแกะรอยล่าตัว ทว่าเงื่อนไข “สุดหิน” คือ คนร้าย “ไม่มีหมายจับ” จำเป็นต้องจับกันแบบ “คาหนังคาเขา” เป็นความ “ท้าทาย” ขั้นสุดสำหรับวงการนักสืบ นำมาสู่ปฏิบัติการ “สุดบ้าคลั่ง” ของทีมนักสืบเมืองหลวงในการตามติดชีวิตของตีนแมวขั้นเซียนรายนี้จนท้ายสุดชุดสืบสวนทราบสถานที่จะก่อเหตุ “ล่วงหน้า” ก่อนจับกุมแบบ “คาหนังคาเขา” ยิ่งกว่าละครแนว Realrity การสืบสวนที่ถูกเปิดเผย “เป็นครั้งแรก” เพื่อให้ประชาชนทราบถึงพฤติกรรมของนักย่องเบาเพื่อหาแนวทางการป้องกันความปลอดภัยบ้านและทรัพย์สินของตัวเอง
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มอบหมาย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้งคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล หัวหน้าชุดปฏิบัติการ 5 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำกำลัง พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รองผู้บังคับการสืบสวนนสสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ทองแพ ผู้กำกับการ(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผู้กำกับการ(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว สารวตรกองกำกับการสืบสวน 2 กองบังตับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สารวัตรกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สารวัตร(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รองสารวัตรกองกำกับการ 4 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รองสารัตรกองกำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ รองสารวัตรกองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ผุ้บังคับหมู่กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 ร่วมกันออกสะกดรอยติดตามเพื่อปิดเกมตีนแมวเดนคุกให้ได้โดยเร็ว
ก่อนจับกุม นายศราวุธ หรือไข่เล็ก ไทยสยาม อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/155 หมู่ 6 ตำบลลำโพ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ผู้ต้องหา ขณะที่กำลังก่อเหตุได้บริเวณริมถนนบางเอียน ตำบลหอรัตนไชย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมของกลาง ไขควง อุปกรณ์การงัดแงะ และเงินสด (ต่างประเทศ) ที่ขโมยมา ตามแผนประทุษกรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแก๊งตีนแมว “สี่พี่น้องไทยสยาม” ฉายา “จอมโจรไขควงเดียว” เป็นที่เลื่องชื่อในยุคสมัย Y2K ที่ตำรวจต่างระดมสรรพกำลังสืบสวนติดตามเป็นเวลานานกว่าจะสามารถจับกุมได้
กล่าวย้อนกลับไปห้วงสมัยปี 2549 เกิด “แก๊งตีนแมว” ออกอาละวาดก่อเหตุ “ย่องเบา” เข้าไปขโมยของในบ้านของประชาชนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลแบบรายวันกวาดทรัพย์ไปรวมทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 29 ล้านบาท กลุ่มคนร้ายมีแผนประทุษกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ คือ จะใช้เพียง “ไขควงเดียว” ในการงัดแงะเข้าไปในบ้านที่ก่อเหตุ และมีเทคนิคเฉพาะคือ “บนลงล่าง” ปีนขึ้นไปบนหลังคางัดกระเบื้องสอดตัวลงไปใต้หลังคาเปิดฝ้าเพดานแล้วหย่อนตัวลงไปขโมยทรัพย์สิน และที่เป็นที่น่าจดจำ คือ หลังก่อเหตุคนร้ายกลุ่มนี้จะใช้ชีวิต กินหรู อยู่สบาย มีบ้านหรู สลัดคราบ “ตีนแมว” ออกไปได้อย่างสิ้นเชิง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมแก๊งตีนแมวแก๊งนี้ได้ คือ “สี่พี่น้องตระกูลไทยสยาม” ได้เข้ารับโทษในเรือนจำและพ้นโทษกลับมาเข้าสู่สังคม แต่นายศราวุธ หรือไข่เล็ก ไทยสยาม น้องเล็กของตระกูลยังคง “ลุ่มหลง” ในเส้นทางสายโจร ออกบินเดี่ยวด้วยวิชาความรู้ความชำนาญที่มากขึ้นไปถูกจับกุมอีกครั้ง เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2555 ในพื้นที่ สถานีตำรวจภูธรปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พอพ้นโทษออกมาก็ยังมั่นคงในเส้นทางสายเดิมจนถูกจับกุมครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2561 ในพื้นที่่สถานีตำรวจภูธรเมืองสุพรรณบุรี
จองจำอยู่ในคุกไม่นานได้รับอิสรภาพเมื่อปี 2565 แต่ดูเหมือนกันดีเอ็นเอของโจรฝังรากลึกอยู่ในตัว ลงมือตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์ในเวลากลางคืนเลี้ยงชีพตัวเอง แถมมีการพัฒนารูปแบบการก่อเหตุจนเป็น “ตีนแมวขั้นเซียน” ก่อเหตุอย่างแนบเนียน รู้ช่องทางการหลบหลีกเจ้าหน้าที่อย่างทะลุปรุโปร่ง สร้างความยากลำบากให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ในการค้นหาพยานหลักฐานเป็นอย่างมาก นำมาสู่ปฏิบัติการ “สุดพิสดาร” ตามติดชีวิตตีนแมวของ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ แม่ทัพสืบสวนนครบาล ทุกฝีก้าวพบความเคลื่อนไหว “สุดติ่ง” ไม่ใช่โจรระดับทั่วไป เพราะมีความละเอียดรอบคอบ มีความรู้วิชาโจร “ระดับเซียน” การออกล่าคัดเลือกจุดที่จะก่อเหตุของคนร้ายที่มีลักษณะเป็น “อาคารพาณิชย์” แบบเก่าอยู่ในพื้นที่ที่คนพลุกพล่าน เช่นตลาด หรือตัวอำเภอ ต้องมีประตูทางเข้าด้านหลัง และมี “ตรอก” และที่สำคัญ “ต้องไม่มีคนอยู่” เมื่อเจอจุดที่ถูกใจจะทำการ “เฝ้าดู” ดูนับกล้องวงจรปิดทุกตัวในเส้นทาง จำลองและซักซ้อมเส้นทางก่อน-หลัง ก่อเหตุ หากมีสิ่งสะกิดใจเพียงเล็กน้อยจะไม่ลงมือ เรียกได้ว่า “ไม่ 100เปอร์เซ็นต์” ไม่ก่อเหตุ” ยังมีเทคนิคการตัดช่องทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ทำให้ปฏิบัติการกินระยะเวลาต่อเนื่องหลายวัน “วัดกึ๋น”
ชุดสืบสวนที่เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อว่า “จะก่อเหตุเมื่อไร” กระทั่งเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ของปฏิบัติการคนร้ายได้ออกดูลาดเลาเลือกจุดที่จะก่อเหตุอีกครั้ง เฉกเช่นวันอื่นๆ หากแต่วันนี้คนร้าย “เอาจริง” ชุดสืบสวนพบลางบอกเหตุพฤติกรรม ดื่มเบียร์บิ้วอารมณ์เฝ้ารอเวลา และขับรถวนเวียนจุดที่จะก่อเหตุหลายครั้งเกินกว่าปกติ รอถึงช่วงพระอาทิตย์ตกดิน คนร้ายมีการอำพรางตัวเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้าไปสู่ตัวเมืองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก่อนหายเข้าไปใน “ตรอก” แห่งหนึ่ง ทำให้ชุดสืบสวน “มั่นใจ” ว่าจะมีการก่อเหตุเกิดขึ้น นำกำลังปิดล้อมอาณาบริเวณดังกล่าวจนพบคนร้ายเดินออกมาจากตรอกมีท่าทีร้อนรน เหงื่อแตก และ “กระเป๋ากางเกงตุง” กระตุกสัญชาตญาณนักสืบของชุดปฏิบัติการให้ทำงานเข้าชาจน์คนร้ายในทันที
ผลการตรวจค้นตัวพบ “ไขควง” และอุปกรณ์การงัดแงะ อีกทั้งพบทรัพย์สินที่พึ่งจะขโมยมาสดสด คนร้ายยอมจำต่อเจ้าหน้าที่ว่า เพิ่งก่อเหตุมา ก่อนนำเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบบ้านที่ลงมือเป็นอาคารพาณิชย์แบบเก่าแห่งหนึ่งตำบลหอรัตนไชย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สอบสวนรับว่า เป็นคนจังหวัดสุราษฎร์ธานี เรียนจบชั้นมัธยมได้เดินทางมาอาศัยเรียนปริญญาตรีที่กรุงเทพมหานคร หลังจากจบปริญญาตรีได้ทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เห็นว่าได้เงินน้อยและไม่พอใช้ ถึงเลือกเข้าสู่สายตีนแมว ขโมยจากของเล็กๆน้อยๆ เรื่อยมาจนมีชื่อเสียงเป็น “แก๊งไทยสยาม” จากการรวมทีมของพี่น้องตระกูลเดึยวกัน แต่จนมุมเมื่อปี 2549 ระหว่างขโมยของในบ้านย่านยานนาวาได้ทรัพย์สินต่างๆรวมหลายล้านบาท
หลังจากถูกจับก็เข้าไปอยู่ในเรือนจำ ตีนแมวไขควงเดียวยอมรับว่า ได้เรียนรู้ความผิดพลาดต่างๆ และเมื่อได้พ้นโทษออกมาแล้วยังติดนิสัยเดิม ไปก่อเหตุถูกจับอีก 2 ครั้ง ทุกครั้งได้เรียนรู้วิชามากขึ้นเรื่อยๆ ครั้งนี้คิดว่าได้เตรียมการก่อเหตุเป็นอย่างดีแล้ว เพราะมีวิธีการหลบเลี่ยงหลายอย่างได้วิชามาจากตอนติดคุก คาดไม่ถึงจริงๆว่าจะมาถูกจับแบบคาหนังคาเข รู้สึกงงมาก และขอให้คำมั่นต่อตำรวจชุดจับกุมว่าหากพ้นโทษออกมาแล้วจะไม่ก่อเหตุอีกเพราะไม่อยากติดคุกอีกแล้ว ฝากเตือนไปยังประชาชนว่าหากไม่อยากถูกขึ้นบ้านต้อง เลี้ยงหมา และไม่เก็บทรัพย์สินไว้ในบ้าน
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลบอกว่า คนร้ายรายนี้ไม่เหมือนอาชญากรทั่วไป เพราะมีความรู้ ความชำนาญและทักษะในการก่อเหตุที่สูงเกินอาชญากรทั่วไปมาก เนื่องจากก่อเหตุมาอย่างโชกโชนเป็นเวลาต่อเนื่องตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น แม้ถูกจับกุมไปถึง 3 ครั้งแล้ว พ้นโทษมาก็ยังก่อเหตุอยู่เช่นเดิมอีก ทำจนเป็นสันดาน เป็นอาชญากรโดยสมบูรณ์ไปแล้ว ถือเป็นภัยสังคมอย่างยิ่ง “ผมไม่ต้องการให้คนแบบนี้เพ่นพ่านอยู่ในสังคม งขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่ หากประสบเหตุขโมยขึ้นบ้านแล้วมีแผนประทุษกรรมที่คล้ายคลึงกับคดีนี้ สามารถแจ้งข้อมูลมาได้ทางเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้จะไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
