เพจสืบนครบาล IDMB ลาดตระเวนออน์ไลน์พบภัยสังคมต่ออาชีพครู นักเรียน นักศึกษาในนาม “สุนทรฟู่” หรือครูฟู่ อดีตครูหลอกลวงกิจกรรมในแวดวงครู เช่น หลอกให้เช่าบ้านพักเพื่อทำกิจกรรมต่างๆของโรงเรียนในต่างจังหวัดให้เช่าห้องพักในงานรับปริญญา อาศัยโปรไฟล์ในอดีตที่เคยเป็นครูดีเด่นสร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวง มีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ล่าสุด ช่วงวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ 2566 มีการแข่งขันงานศิลปะหัตถกรรมนักเรียนระดับชาติ ครั้งที่ 70 ที่จังหวัดน่าน ทำให้หลายโรงเรียนในทุกภูมิภาคพากันหาจองห้องพักพานักเรียนไปร่วมกิจกรรมแข่งขัน ครูฟู่เห็นช่องทางลวงเหล่าคุณครูที่ต้องการพาเด็กไปร่วมกิจกรรม อ้างมีที่พักให้เช่าใช้โปรไฟล์ในอดีตเป็นครูดีเด่น และยังมีภาพถ่ายที่สวมเครื่องแบบชุดข้าราชการครู ทำให้เหยื่อต่างหลงเชื่อเสียทรัพย์สิน และเป็นการ “ตัดโอกาส” เด็กๆที่จะไปร่วมทำกิจกรรมอีก มีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ราย มูลค่าความสูญเสียกว่าแสนบาท หลังจับกุมผู้ต้องหาสำนึกผิดยอมรับว่าทำไปเพราะ หิว ต้องการที่อยู่ รู้ว่า ผิดสงสารเหยื่อด้วย และขอโทษทุกคนขอโอกาสให้สังคมให้อภัย
ทั้งนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มอบหมาย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้าขชุดปฏิบัติการ 5 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำกำลัง พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ทองแพ ผู้กำกับการ(สอบสวน)กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ผู้กำกับการ(สอบสวน)กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุข ผู้กำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สารวัตร (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ รองสารวัตรกองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบตำรวจนครบาล ร.ต.อ.หญิง ธิดารัตน์ ผดุงประเสริฐ รองสารวัตรกองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 และ ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ผู้บังคับหมู่กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 3 ร่วมกันออกติดตาม
กระทั่งนายวิวัฒน์ หรือครูฟู่ หรือสุนทรฟู่ วงค์ษา อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 518 ซอยนวมินทร์ 90 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร ตามหมายจับฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน จากพฤติกรรมเป็นอดีตครูสอนภาษาไทยโรงเรียนชื่อดังในพื้นที่กรุงเทพมหานครผู้มากความสามารถจบการศึกษาชั้นปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 และในการรับราชการสุดรุ่งถึงขั้นได้รับรางวัล “ครูภาษาไทยดีเด่นแห่งชาติ” ประจำปี 2560 จนได้รับสมญานามว่า “สุนทรฟู่” แต่แล้วชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย เส้นทางชีวิตที่กำลังโลดแล่นพลิกผันจากครูหนุ่มอนาคตไกล เริ่มดำดิ่งสู่การเป็น “มิจฉาชีพ” เนื่องจาก “ติดการพนัน” และนำเงินไปเปย์ให้กับแฟนหนุ่มที่เป็น LGBTQ กระทั่งปี 2563 ถูกไล่ออกจากการเป็นข้าราชการครูแล้วเดินสาย “หลอกลวง” ลักษณะกิจกรรมในแวดวงครูเป็นหลัก เช่น หลอกให้เช่าบ้านพักเพื่อทำกิจกรรมต่างๆของโรงเรียนในต่างจังหวัด หลอกให้เช่าห้องพักในงานรับปริญญา อาศัยโปรไฟล์ในอดีตที่เคยเป็นครูดีเด่น สร้างความน่าเชื่อถือ ล่าสุดมีการแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมนักเรียนระดับชาติ ครั้งที่ 70 ที่จังหวัดน่าน ทำให้หลายโรงเรียนในทุกภูมิภาคพากันหาจองห้องพัก ผู้ต้องหาเห็นช่องทางลวงเหล่าคุณครูที่ต้องการนำเด็กไปร่วมกิจกรรมอ้างว่ามีที่พักให้เช่าต้มผู้เสียหายตัดโอกาสเด็กที่จะไปร่วมกิจกรรม
ตั้งแต่ออกจากราชการจนถึงปัจจุบันอดีตครูดีเด่นตระเวนก่อเหตุลักษณะนี้มาโดยตลอด มีผู้ตกเป็นเหยื่อทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 100 ราย ดำดิ่งขนาดต้องเดินสายหลอก “นวดเสียว” แนว LGBTQ+ ด้วยความที่เป็นคนมีความรู้ ความสามารถ ใช้ชีวิตหลบเลี่ยงการจับกุมอย่างไร้เงามาเป็นเวลาหลายปี เปลี่ยนถิ่นที่พักอาศัยทุก 2 สัปดาห์และไม่มีท่าทีจะหยุดหลอกลวง กลายเป็น “มิจฉาชีพ” อย่างเต็มตัวในปัจจุบัน ถือเป็นภัยสังคมต่อประชาชน ต่อคุณครู ต่อเด็กๆ กระทั่งทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมพบแผนประทุษกรรมสุดแสบตระเวนก่อเหตุมาจนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ออกหมายจับกว่า 4 หมายจับ รายงานเรื่องนี้ถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเร่งสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลติดตามจับกุมตัวจากเบาะแสเดียวคือ “ครูฟู่ เป็น LGBTQ+” ต้องส่งมือดี แฝงตัวเข้าสู่วงการนวดของ LGBTQ+ เป็นเวลากว่า 1 เดือนจนได้เบาะแสว่าปัจจุบันอยู่กับแฟนหนุ่มละแวกพื้นที่ซอยวัชรพล เขตรามอินทรา กรุงเทพมหานคร แบบหลบๆซ่อนๆ ออกจากห้องพักเพียงวันละ 1 ครั้ง หรือบางวันไม่ออกมาสู่โลกภายนอกเลย และมีพฤติกรรมหมกมุ่นอยู่กับการเล่นการพนันออนไลน์ (ปั่นสล็อต) ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ และไม่ทำงานทำการใดๆ ยังตระเวนหลอกลวงชาวบ้านอยู่เช่นเดิม ก่อนจนมุมขณะที่กำลังจะย้ายถิ่นที่พักกับแฟนหนุ่ม LGBTQ+ สัญชาติลาวที่ห้องพักเลขที่ 28/58 ถนอมมิตรคอนโด ตึก 11 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร
สอบสวนสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และเปิดเผยถึงความพลิกผันของชีวิตเพื่อเป็นอุทาหรณ์ว่า จบชั้นปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 หลังจากเรียนจบก็ไปเป็นครูอัตราจ้างที่โรงเรียนชื่อดัง กระทั่งปี 2555 สอบบรรจุครูได้ด้วยความสามารถเป็นตำแหน่งหน้าห้องของ ผู้อำนวยการโรงเรียน กระทั่งได้มีเรื่องของวงโยธวาธิตที่มีการขอยืมเงินคุณตัน ภาสกรนที ตกเป็นข่าวโด่งดัง ทำให้ต้องขอย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนอื่น ถือเป็นยุครุ่งเรืองที่สุด เพราะได้รับโอกาสได้เข้าไปช่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการด้วยอีกหน้าที่และได้มีโอกาสแต่งบทอาเศียรวาทจนได้รับรางวัล ครูดีเด่นประจำปี และได้สมญานามว่า “สุนทรฟู่”
ต่อมาในปี 2563 โรงเรียนได้มีการเปลี่ยนผู้อำนวยการโรงเรียน เจ้าตัวไม่ลงรอยกับผู้บังคับบัญชาคนใหม่ทำงานหนักหลายหน้าที่จนป่วย กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อไปทำงานไม่ไหวจากการป่วย ตัดสินใจไม่ไปโรงเรียนจนถูกตั้งกรรมการ ช่วงนั้นชีวิตเริ่มเป๋แล้ว ติดแฟนหนุ่มเจอกันจากที่จ้างมานวด LGBTQ+ แถมติดการพนันงอมแงมทำให้ชีวิตเริ่มดำดิ่ง แรกๆยังมีเงินเก็บที่ยังเหลือใช้ชีวิตได้ พอผ่านไปสักพักหนึ่งเงินเริ่มหมดโทรไปขอยืมเงินจากนักเรียนและครูที่เคยรู้จัก เหล่านักเรียนนั้นกตัญญูรักครูมากให้มาทีละ 1,000 2,000 บางคนให้ถึง 4,000 บาท ยอมรับว่ายืมเด็กๆแล้วไม่ได้คืน ส่วนเพื่อนครูไปขอยืมเงินถูกเมินและทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน รู้สึกเสียใจมากๆ หลังจากนั้นก็เริ่มเดินสายหลอกลวง เป็นช่วงเล่นเฟซบุ๊กแล้วเห็นมีการหาที่พัก ได้ไอเดียหลอกเอาเงินมัดจำที่พัก ลงมือทำเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ทำไปเยอะมาก ความเสียหายที่หลอกลวงมาแล้วหลายหมื่นบาท ทำไปเพราะ หิว ต้องการที่อยู่ รู้ว่า ผิดสงสารเหยื่อด้วย และขอโทษทุกคน ขอโอกาสให้สังคมให้อภัย เกิดชาติหน้าฉันใดก็ขอให้ได้ชดใช้กรรม ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน หลังจากนี้ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่และขอใช้ความรู้ที่มีอยู่เพื่อสาธารณะประโยชน์ จะให้ไปเป็นอาสาสมัครสอนที่ไหนอย่างไรจะไม่คิดเงิน ขอมุ่งทำประโยชน์ให้กับสังคม
ขณะเดียวกัน นายวิวัฒน์ วงค์ษา อดีตครูภาษาไทยดีเด่นยังด้นกลอนสดฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนตำรวจนครยาลเพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนสติทุกคน
“ก่อนจะทำสิ่งใดขอให้คิด อย่าพลาดผิดจนชีวิตคิดถลำ
ทำสิ่งใดประกอบด้วยเวรกรรม และเน้นย้ำทำกรรมดีอย่างที่เป็น
หากพลาดผิดผิดไปแล้วไม่แคล้วโทษ จากเป็นโจทก์ตกจำเลยคนเหยียบย่ำ
ขอโอกาสที่มีได้แก้กรรม จะกระทำแต่สิ่งดีเพื่อสังคม”
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลบอกว่า ไม่น่าเชื่อการพนันจะสามารถทำลายชีวิตของคนได้ถึงเพียงนี้ เปลี่ยนจากผู้ประสาทวิชากลายเป็นมิจฉาชีพแบบสุดขั้ว ขอให้การจับกุมในครั้งนี้เป็นการเตือนไปถึงประชาชนถึงภัยร้ายของการพนัน ทรัพย์สินเงินทองที่ออม หรืออนาคตที่วาดฝันไว้จะหมดไปทันทีเมื่อติดการพนัน และเมื่อไม่มีเงิน ปัญหาทุกอย่างก็จะตามมา และแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล