ระยะหลังเกือบทุกครั้งที่เข้าเทศกาลสำคัญ
นโยบายปล่อยแถวระดมป้องกันปราบปรามอาชญากรรมของตำรวจทั่วประเทศจะคึกคักตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา
เป็นปฏิบัติการ “โชว์ออฟฟอร์ซ” ตามแผนยุทธศาสตร์ให้ประชาชนเห็นว่า ตำรวจนับแสนทั่วประเทศสนใจดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้านอย่างจริงจัง
วาดปากกาเขียนเสือให้วัวกลัว
แต่ไม่ยัก “เชือดไก่ให้ลิงดู” เหมือนยุคประกาศสงครามเพื่อต่อสู้เอาชนะยาเสพติดในสมัยหนึ่งที่บู๊สะบั้นหั่นแรก กระทั่ง “เอเย่นต์ยานรกตัวเอ้” กระเจิดกระเจิงหนีตายออกนอกประเทศ
หลายครั้งที่ผ่านมา ในการออกล่า “หมายจับค้างเก่า” ช่วงเทศกาลวันหยุดเพียงเพื่อผุดคะแนนขยันชั่วครั้งชั่วคราวจากแต้มที่ “ผู้กุมนโยบาย” ตั้งเป้าขีดเส้นตาย คำรามใส่ผู้ใต้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น โดยไม่สนเนื้องานคุณภาพ
นอกจากตัวเลข “หลอกตา”เพื่อให้ได้มาเป็นสถิติอันสวยหรู
โยนชะตากรรมให้ผู้ปฏิบัติหาทางออก
ร้อยวันพันปีไม่ควานหา อาศัยห้วงจังหวะเวลาวันหยุดเทศกาล มโนว่า บรรดาผู้ต้องหาหนีหมายจับกลับบ้านแล้วตามไปซุ่มดักรอถึงถิ่นเกิด
สุดท้ายได้แค่ ปลาซิวปลาสร้อย คดียิบย่อย แก้ผ้าเอาหน้ารอด
แถมหน้ามืดตามัวรวมหัวกันระดมจับผู้ต้องหาคนเดียว ลงชื่อในบันทึกจับกุมหลายหน่วยงานยาวกว่าหางว่าว ตั้งแต่นายพลยันพลตำรวจนับร้อย
กลายเป็นเสียงฮือฮาโดนวิพากษ์วิจารณ์ “สับแหลก” มาแล้วก็ไม่แคล้วจะเข็ดเขี้ยว
ล่าสุดเทศกาลปล่อยแถวระดมป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในช่วง 7 วันอันตราย ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2560 – 3 มกราคม 2561 กำลังทำเรื่องปวดเศียรเวียนเกล้าผู้ปฏิบัติชั้นผู้น้อยหลายหน่วย
เจอคำสั่ง “ห่วย” ของนายบางคน
กำชับลงมา แต่ละโรงพักต้องมี 30 หมายจับ ฝ่ายสืบสวนต้องอย่างต่ำคนละ 4 หมายจับ
บางโรงพักหมายจับน้อย หรือจับไม่ได้ต้องไปขอความร่วมมือหน่วยอื่นเอาชื่อเข้าร่วมสืบสวนจับกุมในบันทึกไปประกอบแบบฟอร์มรายงานผู้บังคับบัญชา
ทำดูเหมือนกับว่าคลำมาถูกทาง
วายร้าย “ระดับหาง” ยังมองออก อยากสำรอกบอกว่า โลกการสื่อสารไร้พรมแดน ส่งผลให้ปัจจุบันนี้โจรรู้ทันเหลี่ยมตำรวจ
ตำรวจต่างหากที่ไม่ทันเกมโจร
โหนตำราเล่มเก่า แต่เอาผู้บังคับบัญชาบางคนหน้าใหม่ “ไร้ประสบการณ์” มาชี้นิ้ววางแผนสั่งการ
สงสารคนทำงานที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์ต้องก้มหน้าก้มตาเสียเวลาเกินไปหรือเปล่า !!!