ตำรวจทางหลวงตามจับบัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์

 

 

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบวนกลาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ รักษาราชการผู้บังคับการตำรวจทางหลวง พ.ต.อ.สุมรภูมิ ไทยเขียว รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง พ.ต.อ.ชนกฤดิ พงษ์ศิริ ผู้กำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวง มอบหมาย พ.ต.ท.จตุพร ติกแก้ว สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวง  นำกำลังจับุกม นายเอกพล เลี่ยมวินิจ อายุ 36 ปี บริเวณหาดฟรีด้อม ป่าตอง ตำบลป่าตอง อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต

จากพฤติการณ์ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาประมาณ 21.30 น. มีผู้เสียหายใช้แอปพลิเคชันไลน์เข้าไปอ่านข่าว ปรากฏว่า มีข้อความเด้งขึ้นลักษณะเชิญชวนให้ลงทุนเกี่ยวกับการขนส่ง ผู้แจ้งสนใจที่จะร่วมลงทุนกดเพิ่มเพื่อน ผู้ใช้บัญชีไลน์รายหนึ่ง ต่อมาผู้ใช้บัญชีไลน์ดังกล่าวส่งข้อความมาแจ้งว่า สวัสดี อ้างเป็นฝ่ายบริการลูกค้าของบริษัทในเครือ Mercadolibre ยินดีให้บริการ มีการดึงเข้าไปในกลุ่มไลน์ มีสมาชิกในกลุ่มรวม 9 คน มีผู้ดูแลกลุ่มใช้ชื่อบัญชีไลน์ “กริณชวัล”  ในกลุ่มแต่ละคนต้องทำยอดโดยการโอนเงินเข้าบัญชี และเมื่อครบขั้นตอนแล้วจะได้กำไรคืน จะมีการหลอกให้ผู้แจ้งทำภารกิจเป็นกลุ่ม 3 ภารกิจพร้อมกัน ถ้าเกิดคนใดคนหนึ่งในกลุ่มไม่มีเงินลงทุนต่อจะอ้างว่า เพราะคนนั้นทำให้คนอื่นไม่ได้เงิน ถอนไม่ได้ และจะถูกรุมด่า ขู่ว่าฟ้องเพราะทำคนอื่นอีก 5 คนเสียหาย
บีบทุกทางจนโอนครบภารกิจและสุดท้าย ด้วยความกลัวผู้เสียหายต้องโอนเงินเข้าจนครบตามที่ผู้ดูแลแจ้ง
เพื่อเอาเงินออกพอเราทำครบแจ้งระบบขัดข้อง ถอนเงินไม่ได้ ก่อนโอนเงินเข้าบัญชีผู้ต้องหารวม 114,324 บาท  ผู้ดูแลกลุ่มได้ส่งลิงก์เป็นแอปพลิเคชันชื่อว่า Mercado เพื่อให้เช็กว่าปัจจุบันกลุ่มผู้เสียหาย มียอดเงินบวกกำไรแล้วเท่าไหร่

ผู้เสียหายกดเข้าไปเช็กพบมียอดเงินรวมทั้งหมด 171,486 บาท แต่กลุ่มผู้เสียหาย ไม่สามารถทำการถอนเงินได้ เมื่อสอบถามไปยังผู้ดูแลกลุ่ม ผู้ดูแลกลุ่มได้แจ้งให้ผู้แจ้งโอนเงินไปอีก 100,000 บาท เพื่อปลดล็อกในการที่จะถอนเงินออก แต่ครั้งนี้ผู้เสียหายไม่ได้โอนเงินไปอีก ก่อนเข้าไปคุยในกลุ่มไลน์แรกอีกครั้งเพื่อสอบถาม ปรากฏว่าได้มีการเอาผู้แจ้ง ออกจากกลุ่มจึงเชื่อว่าถูกหลอกลวงตั้งแต่ต้น ได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลดุสิต

คดีนี้ผู้ต้องหายังโทรศัพท์ไปหาผู้สียหายอ้างเป็นพนักงานธนาคาร แจ้งว่าเป็นหนี้บัตรเครดิต 56,294 บาท ค้างจ่าย จำนวน 2 เดือน ผู้ต้องหาให้หมายเลขบัตรเครดิตยืนยันไม่เคยเป็นหนี้ ผู้ต้องหาเลยแนะนำให้ไปแจ้งความที่พิษณุโลก ผู้เสียหายบอกว่าไม่สามารถไปได้ ผู้ต้องหาบอกว่าจะทำการติดต่อสถานีตำรวจในพื้นที่ หลังจากนั้น ผู้ต้องหาทำที่โอนสายไปอีกหมายเลขโทรศัพท์ แล้วสวมรอยเป็นตำรวจจังหวัดพิษณุโลก แชตไลน์วิดีโอคอลคุยกันเห็นผู้ต้องหาแต่งเครื่องแบบตำรวจยศ พ.ต.ท. แต่งเรื่องพัวพันคดีฟอกเงินยาเสพติดต้องขออายัดบัญชี ผู้เสียหายยอมให้ตรวจสอบเงินในบัญชีด้วยการโอนเงินให้ไปรวมเป็น 15,093.88 บาท เมื่อขอชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลคดี แต่ก็เงียบหายไป เชื่อถูกหลอกซ้ำได้แจ้งความไว้ ตำรวจควบคุมตัวมาสอสวนอ้างได้รับการติดต่อจากเพื่อนชาวเมียนมาให้เปิดบัญชีในการกระทำความผิดแลกค่าตอบแทนแค่ 2,500 บาท

RELATED ARTICLES