ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ปราบปรามอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนแก่ประชาชน เพจสืบนครบาลได้รับการแจ้งขอความช่วยเหลือกรณี เด็กหญิง อายุ13 ปีถูกนายโจ สายไหม อายุ52 ปี ได้ใช้มีดข่มขู่ เพื่อข่มขืนเหยื่อ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ส่งทีมนักสืบเมืองหลวงแกะรอย “ผู้ต้องหากระทำชำเราเด็ก” ที่หลังจากก่อเหตุได้หลบหนีออกจากพื้นที่ก่อนลากคอมาดำเนินคดีตามกฏหมาย
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล อำนวยการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระรองออย รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผู้กำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล สั่งการ พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล นำลังติดตามจับกุมนายสมบัติ หรือโจ จุใจ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 233 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ได้ที่บริเวณหน้าศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จังหวัดปทุมธานี ตำบลรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี
สืบเนื่องจากปัญหาการก่ออาชญากรรมในการก่อเหตุกระทำชำเราเด็กเป็นคดีที่มีความร้ายแรง และส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยภายในชุมชน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล วางแนวทางการป้องกันและปราบปราม พร้อมอีกทั้งได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ต่อมาสืบสวนจนได้ทราบว่า มีผู้ต้องหาก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเป็นเด็กผู้หญิงอายุเพียง 13 ปี ใช้วิธิการหลอกล่อชักจูงให้มาเก็บเสื้อผ้าภายในบ้านแลกกับเงิน 100 บาท เมื่อเด็กหลงกลอุบายได้ชักมีดมาข่มขู่ และข่มขืนเหยื่อ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2566 ผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลสายไหม
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตรำวจนครบาล สั่งการให้ พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผู้กำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ตามรอยติดตามเพื่อจับกุมผู้ต้องหาให้ได้ แต่เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติกรรมเป็นบุคคลเร่ร่อน และมีประสบการณ์การถูกจับกุมในคดียาเสพติด ทำให้ยากแก่การหาตัว ต้องใช้ระยะเวลาร่วมกว่า 6 เดือน กระทั่งได้รับข้อมูลผู้ต้องหาไปทำบัตรประชาชนใหม่บริเวณพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนเพิ่มเติมจนพบหลบหนีมาพักอาศัยอยู่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จังหวัดปทุมธานี ตำบลรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ก่อนลากคอมาดำเนินคดีได้สำเร็จ
ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาสารภาพขณะก่อเหตุตนอาศัยอยู่บริเวณพื้นที่สายไหม หลอกล่อเด็กเข้ามากระทำอนาจารจริง แต่ไม่ได้มีการสอดใส่แต่อย่างใด หลังจากที่ก่อเหตุแล้วไหลบหนีไปใช้ชีวิตด้วยการเป็นคนเร่ร่อน หาตกปลาและขายพระเครื่องประทังชีวิต กระทั่งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 ต้องการที่จะทำบัตรประชาชน แต่ไม่มีเงินพอทำบัตรใหม่ได้เข้าไปติดต่อที่ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จังหวัดปทุมธานี และพักอาศัยอยู่ที่ดังกล่าว