วงการสีกากีสูญเสียมือปราบแห่งตำนานไปอีกท่าน
พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล เจ้าของฉายา “จังโก้เมืองไทย” ที่มีผลงานปราบปรามโจรผู้ร้ายตามแบบฉบับพระเอกนักบู๊ล้างผลาญติดอันดับนายตำรวจมือดีคนหนึ่งของกรมตำรวจ
จบคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เบนเข็มเข้าสอบเป็นนายร้อยตำรวจอบรม เริ่มต้นฝึกงานที่สถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ ไปรับตำแหน่งครั้งแรกเป็นรองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
กรมตำรวจส่งเข้าฝึกใน “กองพลเสือดำ” ค่ายพลร่มนเรศวร อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสร็จสรรพย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้บังคับหมวดตระเวนชายแดนเขต 19 จังหวัดยะลา ขึ้นเป็นรองผู้บังคับหมวด สถานีตำรวจภูธรอำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ใช้ยุทธวิธีปราบปรามโจรแบ่งแยกดินแดนแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
แต่ผลสุดท้ายโดนย้ายเข้ากรุไปอยู่เมืองสงขลา
ต่อมาความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ระอุขึ้นมาอีกระลอกเขาได้รับโอกาสกลับเข้าไปทำงานที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี กระทั่งปี 2520 ขึ้นเป็นรองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรีและสมุทรสงคราม
เป็นผู้กำกับการที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แล้วขยับนั่งเก้าอี้หัวหน้าทีมสืบสวนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และมาเป็นผู้กำกับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เลื่อนเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธร 11 ติดยศ พล.ต.ต. ตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธร 9 คุมพื้นที่แถบจังหวัดตาก นครสวรรค์ และกำแพงเพชร
ขึ้นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 และผู้ช่วยผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ ทำหน้าที่ผู้ช่วยหัวหน้าตำรวจภาค 8 เป็นรองผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ ทำหน้าที่รองหัวหน้าตำรวจภูธรภาค 2 และเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธารภาค 2 ก่อนขึ้นผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ทำหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญการสืบสวน) ตำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการในปี 2543
ชีวิตหักเหมาสวมเครื่องแบบตำรวจเปลี่ยนสภาพชีวิตจากพลเรือนธรรมดา กลายเป็นข้าราชการถืออาวุธมีอำนาจหน้าที่
สมัยอยู่ปากช่องยศแค่ ร.ต.ต.ตามไล่ยิงผู้ร้ายตายทีเดียว 8 -9 ศพจนคดีอุกฉกรรจเงียบกริบ
“เขาเรียกผมว่า จังโก้ ยิงปืนแม่น ยิงร่วงได้กลางอากาศ เพราะฝึกฝนมาตลอด ถ้าเราชักปืนออกมา สู้เราไม่ได้ ผมกล้าคุยขนาดนั้น ชาวบ้านจะรู้ ผู้ร้ายจะกลัวเป็นการข่มขวัญอย่าได้มาสู้กับตำรวจ”
ท่ามกลางสถานการณ์ทางภาคใต้รุนแรง กรมตำรวจหาตัวคนไม่ได้เลยเล็งมาที่เรา แต่งตั้งเป็นกรณีพิเศษตำแหน่ง รองผู้บังคับกอง สถานีตำรวจภูธรอำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ที่เป็นรังใหญ่ของผู้ก่อการร้าย
แก้ปัญหาเพียงแค่ปีเศษบนเทือกเขาบูโด นำตำรวจบุกโจมตีค่ายโจรใต้แตกยับเยิน
สมัยทำงานอยู่ในพื้นที่นครศรีธรรมราชที่เต็มไปด้วยโจรชุกชุมด้วยว่า เจ้าตัวเดินนโยบายปราบปรามอย่างรุนแรง เผาศพกันไม่ทัน ไม่รู้เท่าไหร่ เป็นตำรวจคนเดียวที่กล้าเขียนประกาศไว้ว่า
“เป็นคนต้องอยู่ใต้กฎหมาย เป็นสัตว์ร้ายกูจะล่า”
เพียงเพื่อความสงบสุขของประชาชน
“คดีไหนที่จับคนร้ายได้ ผู้ต้องหาต้องรับสารภาพ ไม่ใช่ขึ้นศาลเจอทนายแล้วกลับคำ หลุดออกมาผมบอกมันเลยว่ากูจะจัดการเอง สังคมต้องเป็นธรรม นี่คืออุดมการณ์ของผม ยึดมาตลอด”
เมื่อครั้งไปปราบปรามกลุ่มขบวนการโจรก่อการร้ายที่อำเภอบาเจาะ นราธิวาส เขตอิทธิพลของ “เป๊าะแย๊ะ” หัวหน้ากองโจรใหญ่ กำลังลูกน้องบุกขึ้นเขาบูโดใช้เวลานานกว่า 3 วัน ยิงผู้ร้ายตายไป 4-5 คน เอาศพลงจากเขามาวางเรียงกันริมถนน มีชาวบ้านมุงดูเป็นแสน
“ผมไม่ได้โอ้อวดตัวเอง สมัยทำหน้าที่ตำรวจ ผมทำแบบแปลกประหลาด พิสดาร แหวกแนว กลายเป็นตำรวจที่เป็นตำนานรุ่นหนึ่ง ผู้ใหญ่ในกรมตำรวจงุงงงสงสัย เคยเชิญผมไปถามว่าจะสร้างนักเรียนนายร้อยให้เป็นแบบ”
เขายืนยันว่า แค่ได้ยินชื่อ “สรรเพชญ” โจรก็หนาว ในกรุงเทพฯ อาจไม่มีใครรู้จัก แต่ในต่างจังหวัด ผู้ร้ายเป็นลม คนดียิ้ม นอนตาหลับ
“ตำรวจเป็นอาชีพที่คนเกลียดและกลัวที่สุด แค่ไม่ต้องทำอะไรคนก็เกลียดอยู่แล้ว แต่เราจะพลิกโลกอย่างไรให้เป็นพระเอกที่มีคนรักมากที่สุด” พล.ต.ท.สรรเพชญฝากไว้
ทิ้งท้ายขอไว้อาลัยต่อการจากไปของตำนานมือปราบคนดังของกรมตำรวจ
ศพตั้งสวดพระอภิธรรมศาลา 5 วัดตรีทศเทพ ถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2566 (วันที่ 12 สิงหาคม 2566 งดสวด 1 คืน)
กำหนดพระราชทานเพลิงศพวันที่ 16 สิงหาคม 2566 เวลา 17.00 น.
ติดตามอ่านเรื่องราวตำนานนักสืบฉบับเต็มของ พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล ได้ที่ https://www.cops-magazine.com/topic/649/