เมื่อนายพลมือปราบตัดสินใจยอมทิ้งอิสรภาพ (3)

“ผมไม่กลัวความลำบาก เข้าตาจนก็พร้อมทำทุกทางที่เป็นอาชีพสุจริต” พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว เคยให้สัมภาษณ์ผ่านสำนักข่าวอิศรา

เขาเล่าว่า สมัยยังเป็นพลตำรวจเคยขับรถแท็กซี่หารายได้เสริมอยู่ในเมืองหลวงนานกว่า 2 ปี แต่ยอมรับว่า หลายคนที่ไม่มีความพร้อม อาจมีวิสัยมนุษย์ที่ต้องดิ้นรน ไขว่ขว้าตำแหน่งเพื่อให้ได้ค่าตอบแทนที่มากขึ้น

ตำแหน่งที่ว่า คือ ต้องซื้อจากนักการเมือง

นายพลมือปราบภาคใต้สรุปไว้ว่า  เพราะฉะนั้น รากเหง้าของปัญหาก็มาจากการซื้อขายตำแหน่งจากนักการเมือง ทำให้ตำรวจต้องไปเอื้อกับกลุ่มธุรกิจนอกระบบเอามาเป็นทุน แต่ถ้านักการเมืองไม่เอา หัวไม่ส่ายหางก็ไม่กระดิก อธิบดีคนไหนไม่เข้าท่าก็ปลด ย้าย ที่นี้ไม่มีใครกล้าแน่นอน

“แต่ยุคหลัง อำนาจการแต่งตั้งไม่ได้อยู่ที่ผู้บังคับบัญชา เดี๋ยวนี้เลยกลายเป็นว่า ถึงเวลาไม่วิ่ง ไม่ได้จริงๆ” เจ้าตัวยอมรับสภาพความเป็นจริง “ทว่าอย่าไปโทษใคร ผู้ใหญ่ผู้บริหารทั้งฝ่ายข้าราชการ ฝ่ายนักการเมืองต้องร่วมกันแก้ไข มีระบบคุณธรรมให้มากขึ้น เห็นแก่คนดี คนทำงาน เรื่องเหล่านี้ก็จะค่อยๆหายไป”

เขายังเชื่อว่า ในองค์กรตำรวจมีคนดีอยู่เยอะกว่าคนไม่ดี ไม่เช่นนั้นองค์กรคงอยู่ไม่ได้ เพียงแต่ว่าเรื่องราวของคนดีไม่ได้รับการตีแผ่ กลับไปยกย่องแต่คนมีเงิน มีฐานะ มีตำแหน่งเท่านั้น

เหล่านี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ที่ออกมาจากปากอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราชต้นตำรา “นครศรีธรรมราชโมเดล”

ด้วยการทำงานอย่างจริงจังไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม เขาถึงได้รับการยอมรับในพื้นที่ภาคใต้ที่วนเวียนใช้ชีวิตปราบปรามผู้มีอิทธิพล และมือปืนรับจ้างแบบบู๊ล้างผลาญ

กระทั่งพลาดพลั้งตกเป็นผู้ต้องหาโดนร้องเรียน

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2545 เกิดคดียิง นายเกษม คงตุก สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบางริ้น  อำเภอเมืองระนอง กลายเป็นคดีท้าทาย “รณพงษ์ ทรายแก้ว” ที่ขณะนั้นเป็นผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 แกะรอยจับกุม นายวิโรจน์ สุวรรณี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองระนอง นายวินัย ขุนแผ้ว และนายกรีฑา ยกย่อง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบางริ้น ในข้อหาร่วมกันฆ่าและจ้างวานฆ่า

สู้คดีกันไปมาเกมพลิก เมื่อฝ่ายผู้ต้องหาฟ้องกลับ “รณพงษ์ ทรายแก้ว” กับลูกน้องรวม 14 คน ในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับอันตรายสาหัส

หลังจากคุมตัวเข้าเซฟเฮาส์เอาไฟฟ้าช็อตให้รับสารภาพ

ถึงกระนั้น เจ้าตัวยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม มั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง

 

 

 

 

 

 

 

RELATED ARTICLES