รวบสาวสองมือขวาบอสคอลเซ็นเตอร์วางยารูดทรัพย์หนุ่มทั่วกรุง

ผิงผิง-โคลนาซีแพม สาวสองสุดแสบ นัดเดตผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ ขึ้นข้อความว่า “สาวสอง ใครร้อนเงินทักมา” สุดอันตราย ล่อแมลงให้เหล่าชายหนุ่มสายเหลืองตกเป็นเหยื่อ วางยามอมผู้เสียหายก่อนจะรูดทรัพย์และยานพาหนะไปหมดตัว บางรายถูกลงมือทำร้ายขณะพยายามฝืนต้านฤทธิ์ยา แผนประทุษกรรมบดยาไว้ก้นแก้วแล้วรินเบียร์ผสม พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ส่งชุดสืบมือดีไล่ล่ากว่า 2 เดือน จนในที่สุดจับตัวได้ขณะกำลังหลบหนีออกชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน สารภาพทำเอาชุดจับกุมอึ้ง “เห็นคนล้มฟุบแล้วมีความสุข คิดว่ามีพลังวิเศษ” เสพติดต้องก่อเหตุเดือนละ 2-3 ครั้ง ขยายผลพบเป็นมือขวาบอสชาวไต้หวัน หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 3 แห่งในประเทศเพื่อนบ้าน

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้ยบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล มอบหมาย พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล  พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผู้กำกับการสืบสวน 4 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สารวัตร (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 4  ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รองสารวัตรสืบสวน 4 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล

นำนักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญารุ่น 112 ประกอบด้วย ร.ต.อ.กฤษณะ ชนิดไทย รองสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก  ร.ต.อ.อำนาจ แป้นดวงเนตร รองสารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี  ร.ต.อ.สุรศักดิ์ บุญนุ่ม รองสารวัตรกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร  ร.ต.อ.วทัญญู เริ่มประชาธิปไตย รองสารวัตรกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี กองบัญชาการตำรวจนครบาล ร.ต.ท.คณาธิป ภูสมตา รองสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรเมืองขนแก่น ร่วมกับ ส.ต.อ.ณัฐกิต เชื้อสุข  ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย  ส.ต.ต.เมธิชัย คำดี ติดตามจับกุมนายอภิชาติ หรือผิงผิง ศรีโคตร  อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 หมู่ 11 ตำบลหนองน้ำใส อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ผู้ต้องหา  “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” ยึดของกลาง 4 รายการ เป็นบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 6 ใบ (เป็นของบุคคลอื่น) รับว่าเป็นของบัญชีม้า
โทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง (ของตัวเอง 2 เครื่อง , ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 4 เครื่อง) เงินสด จำนวน 25,000 บาท และยาที่ใช่มอมเหยื่อจำนวน 3 แผง

จากพฤติการณ์ดำดิ่งสู่จิตใต้สำนึกสุดอำมหิตผิดเพี้ยนของ “นักมอมยา”นามว่า “ผิงผิง” หรือ นายอภิชาติ ศรีโคตร สาวประเภทสองวัยเพียง 22 ปี ก่อวีรกรรมกับเหล่าชายหนุ่มสายเหลืองได้อย่างแสบทรวง กลายเป็นมหันตภัยในยามรัตติกาลสำหรับชายหนุ่มในเมืองกรุงไปแล้ว เมื่อตระเวนก่อเหตุ “วางยาและรูดทรัพย์” เหล่าชายหนุ่มที่ติดกับดักเธออย่างนับไม่ถ้วน  แผนประทุษกรรมสุดแสบของเธอเริ่มต้นจาก “แอปพลิเคชันหาคู่”  ทำตัวเป็นสาวสองทรงเจ๊สายเปย์ สปีชีส์ตัวรับ ขึ้นข้อความทำนอง “สาวสอง ใครร้อนเงินทักมา” ล่อแมลงให้เหล่าชายหนุ่มสายเหลืองที่ไส้แห้งต่างเข้ามารุมเร้า อย่างที่ทราบกันดี วงการนี้ไม่สนทนากันนาน เพราะต่างมุ่งไปตามกามอารมณ์กันอยู่แล้ว  ทั้งสองฝ่ายต่างรู้กันจุดหมายปลายทางคือ “เพศสัมพันธ์” เมื่อนัดหมายสถานที่แล้วเหล่าเหยื่อชายสายรุกมักพุ่งมาอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ตัวว่า สถานที่ดังกล่าวคือ “ห้องเชือด” ที่เตรียมการขุดหลุมพลางไว้รอเหยื่อไว้แต่เนิ่นแล้ว  นำยานอนหลับจำนวน 3-10 เม็ดมาบดให้ละเอียดเทลงในแก้วน้ำที่เตรียมไว้และเพิ่มความแนบเนียนด้วยการใส่น้ำแข็งเปล่าให้เต็มแก้ว ปิดบังคราบผงยาที่นองอยู่ก้นแก้ว

ทันทีที่เหล่าชายหนุ่มที่ตกเป็นเหยื่อย่ำเท้าเข้ามาในถ้ำเสือ เริ่มสะกดจิตเหยื่อด้วยการเปย์แบงก์พันให้ชายหนุ่มก่อน 1 ใบ จากนั้นจะหว่านล้อมชักจูงให้เหยื่อดื่มเบียร์เปิดหัวเป็นอันดับแรก เหยื่อหนุ่มเกือบทั้งสิ้นล้วนติดกับดักค่ายกลของผู้ต้องหา เมื่อเปิดกระป๋องเบียร์และบรรจงเทลงในแก้วที่วางยาไว้ ผงยาผสมปนเปกับน้ำสีทองของเบียร์ไร้ร่องรอยให้สงสัย และเมื่อของเหลวสีทองผสมยาที่วางไว้ก้นแก้วไหลเข้าสู่ร่างกายชายหนุ่มก็เป็นอันรุกฆาต ยาดังกล่าวนั้นจะออกฤทธิ์รุนแรง ง่วงซึม มึนศีรษะ สับสน จดจำสิ่งต่างๆ ไม่ได้ เกือบทุกรายล้มพับไปในไม่กี่อึดใจ บางรายพยายามฝืนต้านฤทธิ์ยาผู้ต้องหายิ่งชอบ เพราะจะลงมือทำร้ายร่างกายเช่น กระโดดถีบ ต่อยหน้า ตบหน้า ต่างๆนานาโดยที่เหยื่อไร้เรี่ยวแรงต่อสู้จนกว่าเหยื่อจะสลบไสลไป  ภาพการล้มพับของเหล่าชายหนุ่มสร้างความสุข  ความสนุก ความสะใจ ทำให้รู้สึกว่าตัวเอง “มีพลังวิเศษ” เสพติดเข้าเส้นเลือดไปแล้ว แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้นเมื่อเหยื่อไร้สติจะลงมือกวาดทรัพย์สินของเหยื่อไปจนเกลี้ยง รายใดโชคร้ายขับรถมาก็จะถูกขโมยไปด้วย

ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2566 ลงมือก่อเหตุกับชายหนุ่มรายหนึ่งที่โรงแรมชื่อดังในซอยศรีอยุธยา 12 แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ขโมยทรัพย์สินเงินสด โทรศัพท์ และรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ของเหยื่อไป มูลค่าความเสียหายประมาณ 200,000 บาท เข้ากลีบเมฆชนิดไร้ร่องรอยให้คลำหา เป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่จะมาก่อเหตุและหายไปราวหมอกควัน เหยื่อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยแผนประทุษกรรมเดิมที่ตรึงใจเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนที่ติดตามไล่ล่าเกือบ 2 เดือน ก่อนจนมุมระหว่างกำลังหลบหนีออกไปทางอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อหลบหนีออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน สอบสวนรับเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ในปอยเปต ประเทศกัมพูชา  ทำมาเป็นเวลากว่า 3 ปี หลอกคนไทยได้ยอดรวมประมาณล้านกว่าบาท  ได้ค่าคอมมิชชั่นมา 400,000 บาท แต่ได้ใช้เสเพลกับการพนันไปหมดแล้ว ในปัจจุบันเป็นมือขวาของบอสชาวไต้หวันชื่อว่า เสี่ยว เฟ่ย เชียน เจ้าของคอลเซ็นเตอร์ 3 ตึกในปอยเปต ทำหน้าที่เป็น HR และคอยจัดหาบัญชีม้าให้กับบอสชาวจีน เข้าๆออกๆกัมพูชาและประเทศไทยเป็นประจำ เพราะเสพติดภาพการล้มพับของเหยื่อ ทำให้มีความสุข  ความสนุก ความสะใจ

ผู้ต้องหาสารภาพอีกว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งเคยไปลองมอมยาใส่กลุ่มชายหนุ่มในสถานที่ท่องเที่ยวแล้วเห็นเหยื่อล้มฟุบพร้อมกัน 4 คน ทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีพลังวิเศษ คิดหาเวลาว่างจากการทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์เดือนละ 2-3 ครั้งแล้วเข้ากรุงเทพฯ มาก่อเหตุลักษณะนี้ ความสุขก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนก็หวังจะได้ทรัพย์สินจากเหยื่อด้วย  จุดเริ่มต้นเกิดจากเคยถูกผู้ชายมามีเพศสัมพันธ์ด้วยแล้วโดนขโมยทรัพย์สินไประหว่างที่หลับ ทำให้เกิดความแค้นมากวางแผนล่อลวงชายคนนั้นมาและได้ลองมอมยาแบบนี้เป็นครั้งแรก ใส่ยาไปทั้งหมด 10 เม็ดจนล้มพับไป แล้วขโมยรถรู้สึกสนุก สะใจติดเป็นนิสัยและก่อเหตุต่อมาเรื่อยๆ  ยาที่ได้มาไปหาหมอแล้วจะบอกว่าต้องการยาตัวนี้ ถ้าหมอคนไหนไม่ยอมให้ก็จะแสดงละครบอกหมอว่า ถ้าไม่ให้จะไปฆ่าตัวตาย หมอจะยอมให้ทีละ 20-30 แผง และที่เลือกวางยาในเบียร์แบบนี้เพราะว่า เคยลองใส่ในน้ำเปล่าแล้วมันจะขุ่นๆทำให้เหยื่อดูออกได้ง่าย ส่วนรถที่ขโมยมาจะนำไปขายให้กับขบวนการส่งรถออกนอกประเทศ  เก็บรถที่ขโมยมาไว้กับตัวเองไม่เกิน 2 ชั่วโมง  บัตรประชาชนที่ถูกตรวจค้นพบหลายๆใบนั้น ได้มาจากเหยื่อบ้าง และได้จากพวกเปิดบัญชีบ้างเลยนำมาใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆแทนชื่อของตัวเองเพื่อปกปิดตัวเอง

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลบอกว่า เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของภัยสังคมรายนี้ จากการขยายผลการจับกุมพบพยานหลักฐาน รถจักรยานยนต์ต้องสงสัยได้จากการก่อเหตุกว่า 13 คัน และพบข้อมูลเหยื่อและผู้ที่กำลังจะตกเป็นเหยื่ออีกไม่ต่ำกว่า 10 ราย  ขอประชาสัมพันธ์ถึงผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อคนร้าย ให้แจ้งมาที่เฟซบุ๊ก สืบสวนนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่ประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง เราจะปกปิดข้อมูลของคุณเป็นความลับ และขอฝากเตือนไปยังเหล่าผู้ปกครองให้หมั่นเฝ้าระวังบุตรหลานที่ชื่นชอบการเล่นแอปพลิเคชันหาคู่ลักษณะนี้ ให้หลีกเลี่ยงเพื่อความปลอดภัยในชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของท่าน ในส่วนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตอนนี้เราได้ข้อมูลสำคัญของขบวนการมามากพอสมควรจะมีการขยายผลต่อไปจนถึงที่สุด แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล