รับนโยบายจาก พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ส่งให้ พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผู้บังคับการปราบปรามค้ามนุษย์ มอบหมายภารกิจให้ พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล รองผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ เป็น “แม่ทัพ” พาคณะตำรวจในสังกัดบินไปไปประชุมเกี่ยวกับคดีค้ามนุษย์ และศึกษาดูงานเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 20-22 กันยายน 2566
ประเดิมด้วยการหารือแลกเปลี่ยนความร่วมมือในการต่อต้านการค้ามนุษย์ข้ามชาติกับเจ้าหน้าที่สำนักงานตำรวจเขตเกาลูนตะวันตก (Kowloon West Regional Police Headquarters)
เป็นไปตามหน้าที่หลักโดยตรงที่รับผิดชอบสอบสวนคดีค้ามนุษย์จากข้อมูลมีการนำหญิงไทยส่งไปบังคับให้ค้าประเวณีบนเกาะฮ่องกง
สืบเนื่องจากก่อนหน้าเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2566 ทางตำรวจฮ่องกงเดินทางมายังประเทศไทย มีโอกาสเข้าพบ พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ประสานรายละเอียดข้อมูลคดีค้ามนุษย์
พวกเขาพบว่า เครือข่ายในขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ มีผู้ต้องหาเป็น “หญิงไทย” ทำหน้าที่ในการติดต่อ เป็นธุระจัดหา หลอกลวงสาวไทยเพื่อส่งไปบังคับค้าประเวณีในเขตปกครองพิเศษแดนมังกร
พล.ต.ต.ศารุติ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ ปันไชย ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ นำกำลังสืบสวนขยายผล ประสานข้อมูลแลกเปลี่ยนรายละเอียดที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนกับทางตำรวจฮ่องกงอย่างต่อเนื่อง
ต่อมาเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2566 ได้จับกุม ผู้ต้องหาเป็นหญิงไทย อายุ 45 ปี ที่ ตำบลแสนตอ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ในความผิดฐาน “สมคบกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์”
เจ้าตัวยอมรับว่า มีหน้าที่ในการติดต่อส่งผู้หญิงไทยไปให้กลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ที่ฮ่องกงจริง แลกส่วนแบ่งเป็นค่า “นายหน้า” 10,000 บาท ต่อคน
“กลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ที่ฮ่องกง ทำหน้าที่ในการจัดการ บังคับให้ผู้เสียหายค้าประเวณีโดยที่ไม่สมัครใจยินยอม และได้รับประโยชน์เป็นเงินที่เกิดจากการค้าประเวณี” ผู้ต้องหาสารภาพหมดเปลือก
ทำให้ตำรวจฮ่องกงเปิดปฏิบัติการเข้าช่วยเหลือเหยื่อออกจาก “นรกในต่างแดน” กลับมาประเทศไทยอย่างปลอดภัย อีกทั้งได้รับการคุ้มครองช่วยเหลือตามกฎหมาย
การประชุมเดินทางไปหารือแลกเปลี่ยนความร่วมมือในการต่อต้านการค้ามนุษย์ข้ามชาติในครั้งนี้ ระหว่างกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์และหน่วยตำรวจฮ่องกงที่รับผิดชอบงานสืบสวนคดีค้ามนุษย์ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
ส่งผลให้เกิดความสำเร็จในการจับกุมขบวนการค้ามนุษย์และผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทั้งในส่วนของในประเทศไทยและฮ่องกง
พร้อมประสานความร่วมมือกันในอนาคตต่อไป
ไม่ให้หญิงไทยพลาดหลงผิดตกเป็นเหยื่อบังคับ “ค้ากาม”
