ผบช.ก.แถลงฟันตำรวจปาร์ตี้ “กำนันนก” ยัน “ผกก.เบิ้ม” ช่วยลูกน้องส่ง รพ.

 

ที่กองบังคับการปราบปราม  พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รองผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รองผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม และพ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดี นายธนัญชัย หรือหน่อง หมั่นมาก อายุ 45 ปี ลูกน้องคนสนิท นายประวีณ หรือกำนันนก จันทร์คล้าย ใช้อาวุธปืนยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เสียชีวิต พ.ต.ท.วศิน พันปี รองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้รับบาดเจ็บ

พล.ต.ท.จิรภพยังแถลงถึงกรณีการเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ระบุว่า ที่ผ่านมามีการประชุมหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้หลายครั้ง เพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงต่างๆ รวมถึงข้อกฎหมายอย่างละเอียด ควบคู่กับพยานหลักฐาน กล้องวงจรปิด ข้อมูลการสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุ  ทำให้ทราบแน่ขัดว่า ในวันเกิดเหตุมีตำรวจอยู่ร่วมในงานเลี้ยงทั้งหมด 29 คน แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ คนตาย คนเจ็บ กลุ่มสองเป็นตำรวจที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และซุกซ่อนทำลายพยานหลักฐาน 6 นายที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้า ส่วนกลุ่มที่สามเป็นกลุ่มตำรวจที่ช่วยเหลือคนตายและคนเจ็บ  6 คน และกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มที่จะต้องถูกดำเนินคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จำนวน 15 นาย  ภายในสัปดาห์นี้จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีอย่างเป็นทางการ ส่วนข้อหาให้การเท็จยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำเพิ่มเติม

“หลังจากที่มีการหารือเกี่ยวกับข้อกฎหมายมาตรา 157 จนตกผลึกแน่ชัดแล้วว่า หากคุณเป็นตำรวจเมื่อเกิดเหตุขึ้นคุณจะต้องทำหน้าที่จับกุมตัวคนร้าย ยกเว้นว่าจะมีเหตุจำเป็น เช่น ไปช่วยคนเจ็บ แต่จากข้อเท็จจริงพบว่า มีตำรวจแค่ 6 นายที่เข้าให้การช่วยเหลือผู้เสียชีวิตกับคนเจ็บ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เหลืออีก 15 นายนี้จะต้องถูกดำเนินคดี” พล.ต.ท.จิรภพ อธิบายรายละเอียดและยืนยันว่า พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ที่ยิงตัวตายแสดงความรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น มีพยานหลักฐาน รวมถึงคำให้การของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่าง ๆ ว่า ร่วมช่วยเหลือผู้เสียชีวิตกับผู้บาดเจ็บจริง  หลังเกิดเรื่อง พ.ต.อ.วชิราได้วิ่งไปที่รถบีเอ็มดับเบิลยูของผู้ตาย เพื่อเข้าให้ช่วยเหลือก่อนจะวิ่งลงจากรถไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะ ระหว่างกลับมาที่รถเจอผู้บาดเจ็บอีกคนกำลังหมดสติ ช่วยนำร่างขึ้นรถกระบะนิสสันนาวาร่าแล้วพาไปที่โรงพยาบาล ดังนั้น พ.ต.อ.วชิราจัดอยู่ในกลุ่มเจ้าหน้าที่ทั้ง 6 คนที่ช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์บ้านกำนัน

พล.ต.ท.จิรภพกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องต่อมาเป็นกรณีกล้องวงจรปิด ามีด้วยกันทั้งหมด 15 ตัว มีตัวที่เสีย 2 ตัว ใช้การได้ 13 ตัว และใน 13 ตัว มีตัว มีไฟล์ 12 ตัว ไม่มีไฟล์บันทึก 1 ตัว  ใน 12 ตัวที่มีไฟล์ สามารถดูได้ปกติ 12 ตัว และมี 1 ตัว ที่บันทึกถึง 10.16 น. 1 ตัว  เป็นกล้องวงจรปิดเบอ ร์ 6 ที่สอบสวนกลางยังพยายามกู้ข้อมูลในกล้องวงจรปิดจุดสำคัญที่บันทึกภาพบริเวณลานจัดงาน แต่ถูกดึงปลั๊กหรือถอดสายแลนด์ออกไปตั้งแต่เวลาประมาณ 10.16 น. ก่อนเริ่มงาน  หลังจากส่งให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบ แต่ไม่สามารถกู้ภาพได้แล้ จะส่งให้ผู้เชี่ยวชาญ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญของต่างประเทศช่วยตรวจสอบต่อไป คาดว่าหากสามารถกู้ข้อมูลมาได้จะสามารถเห็นภาพสำคัญช่วงเกิดเหตุ ภาษากายกำนันนกขณะสั่งการ ยืนยันว่า ถึงไม่ได้ข้อมูลนี้มาก็สามารถเอาผิดกำนันนกได้แน่นอน เพื่อมาตรวจสอบว่าตรงกับข้อมูลที่ได้มาจากทางชุดสืบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 7 หรือไม่

ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางกล่าวอีกว่า ส่วนการตรวจสอบการฮั้วประมูลของบริษัทเครือข่ายกำนันนก จากการตรวจสอบได้พบข้อพิรุธหลายประเด็น  บริษัทเครือข่ายกำนันนกเปิดมาตั้งแต่ปี 2540 ร่วมประมูล 1,527 โครงการ ชนะประมูล 1,314 โครงการ หรือคิดเป็นร้อยละ 85 ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่อยู่ในจังหวัดนครปฐม อีกทั้งบริษัทของกำนันนกยังมีสถิติชนะประมูลโครงการเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่เปลี่ยนวิธีการประมูลเป็นรูปแบบที่เป็น e-bidding ในปี 2558 ชนะในราคาที่ต่างกันเพียงหลักพัน หรือหลักหมื่นบาท  บริษัทที่ร่วมประมูลก็ยังเสนอราคาใกล้เคียงกัน ตำรวจสอบสวนกลางจะประสานงานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบในประเด็นนี้ต่อไป

เมื่อผู้สื่อข่าว ถามถึงเรื่องการโอนคดีกำนันนกมาให้ตำรวจสอบสวนกลางทำต่อ เนื่องจากพบความผิดปกติ อะไรในการทำคดีหรือไม่ พล.ต.ท.จิรภพระบุว่า เนื่องจากคดีนี้มีความเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล สอบสวนกลางดำเนินการปราบปรามในส่วนนี้อยู่แล้ว รวมถึงแนวทางการทำคดีจากชุดตำรวจภูธรภาค 7 ก็มีแนวทางการสอบสวนเป็นไปในแนวทางเดียวกัน สามารถนำมาดำเนินการต่อได้ และสามารถทำงานร่วมกับชุดทำงานได้ตามปกติ “เรื่องที่ตำรวจไปงานเลี้ยงหรือใกล้ชิดนักการเมืองท้องถิ่น ผู้มีอิทธิพล  ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่มีมานานแล้ว  ผมก็ไม่เห็นด้วย เพราะเราเป็นตำรวจไม่ควรไปใกล้ชิดกับคนทำผิด หากจะใกล้ควรมีกรอบ ไม่ควรก้มหัวให้ผู้มีอิทธิพล แต่เพราะวัฒนธรรมไทยมีมานาน ต้องค่อยๆกวาดล้างกันไป อนาคตจะโฟกัสเรื่องนี้มากขึ้น รวมถึงตำรวจที่ไปอยู่ในเครือข่ายผู้มีอิทธิพล”

เมื่อถูกถามถึงกรณีการเข้าตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.จิรภพกล่าวในส่วนนี้ว่า ตำรวจสอบสวนกลางไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด เป็นการดำเนินการของหน่วยงานอื่น ส่วนกรณีที่มีกำลังเจ้าหน้าที่คอมมานโด ร่วมปฏิบัติการด้วยนั้น ขอชี้แจงในส่วนนี้ว่า คอมมานโดเป็นหน่วยงานในสังกัดของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางก็จริง แต่หน้างานส่วนใหญ่ขึ้นตรงกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีดังกล่าวน่าจะเป็นการสั่งการโดยตรงจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่เกี่ยวกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

RELATED ARTICLES