เดิมพันเก้าอี้เจ้าสำนัก

 

พิธีสวนสนาม เชิญธงพิทักษ์สันติราษฎร์ลงจากยอดเสา อำลาตำแหน่งชีวิตรับราชการของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 13 บริเวณลานฝึกศรียานนท์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ กลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย

ส่งสัญญาณ “ถอดหัวโขน” วางอำนาจแม่ทัพที่รับใช้หน่วยมานานเกือบ 1 ปีเต็ม

ทว่าภารกิจสุดท้ายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ คือ ต้องเสนอชื่อ เจ้าสำนักปทุมวันคนใหม่ให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจในวันนี้ วันที่ 27 กันยายน 2566

ท่ามกลางความวุ่นวายมะรุมมะตุ้มส่งปีชง “บิ๊กเด่น” ให้จบไม่สวยเท่าไหร่นัก

อย่างไรก็ตามเกมเดิมพันเก้าอี้สำนักไม่ได้อยู่ในมือของประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจเหมือนในอดีต แต่ขึ้นอยู่กับบอร์ดคณะกรรมการข้าราชการตำรวจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติฉบับปฏิรูปองค์กรปี 2565

กระแสข่าวลือกระพือกันยันนาทีสุดท้ายเขย่าวงการ ตัดแข้งปัดขา แคนดิเดตกันร้อนแรงสุดในประวัติศาสตร์

ชวนให้นึกย้อนถึงยุค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่ “ดื้อแพ่ง” ไม่เลือก พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ขึ้นนั่ง “พิทักษ์ 1” ปล่อยให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ นั่งรักษาการยาวจนเกษียณอายุราชการ

เป็นความล้มเหลวหมดท่าของผู้นำประเทศที่เหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไม่อยากให้เกิดขึ้นมาอีก

ว่าถึงแคนดิเดตที่อยู่ในมือ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ เพื่อเสนอ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีกับภารกิจสำคัญจะอยู่ในใจของประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจหรือไม่

เป็นเรื่องน่าคิด

แถมมีความพยายามสร้างแรงกดดันคณะกรรมการข้าราชการตำรวจด้วยการขู่ฟ้องศาลปกครอง หากใครบางคนพลาดตำแหน่งแม่ทัพ

กระทั่ง “คืนหมาหอน” ยังไม่วายสอน “จระเข้ว่ายน้ำ” ให้ “ล้มโต๊ะ” เพื่อตั้งรักษาราชการแทนจนกว่าคลื่นลมมรสุมใต้น้ำจะหยุดกระเพื่อม

เร่งเร้าให้ นายเศรษฐา ทวีสิน ต้องอาศัยความคิดเมื่อต้องมาอยู่บนกองไฟกลางทุ่งปทุมวันจาก “อำนาจแฝง” เต็มไปด้วย “เขี้ยวลากดิน”กำหนดฉากการแสดง “เตะตัดขา” ใครบางคนออกจากสนาม

ว่ากันตามท้องเรื่องสำหรับตัวเต็งทั้ง 4 นายที่จะลงชิงชัยในเกม

พล.ต.อ.รอย อิงคไพไรจน์ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 40 หน้าตาโปรไฟล์ไม่ธรรมดา เสียดายแผ่วปลายหลังจาก “อกหัก” ตกขบวนรถไฟเที่ยวก่อนถึงแทบไม่ขยับลีลาบริหารหน่วยเท่าที่ควรตลอดปีที่ผ่านมา

หวังนั่งรอ “ส้มหล่น” จากความเป็น “อาวุโสสูงสุด”

ส่วน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 47 อายุราชการยาวถึงปี 2574 มีงานแสดงออกจอมากมายรายวัน แต่เพิ่งเจอ “บริวารเป็นพิษ” โดนค้นบ้านเพราะพัวพันเส้นทางการเงินของเว็บพนันออนไลน์

ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 41 สายบุ๋นคุมงานบริหารไม่มีแผลด่างพร้อย “ไร้รอยตำหนิ” อาจเป็นตัวเลือกเสมือน ม้านอกสายตา ตามประสา “ตาอยู่” คว้าพุงปลาปิดเกมร้อนของสำนักปทุมวัน

สำหรับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล นายพลคนไม่มีรุ่น มีต้นทุนเต็มหน้าตัก แต่กำลังถูก “กับดัก” ทักเรื่อง “อาวุโส” เอาไปเป็นตัวกำหนดที่ไม่ได้อยู่ใน “กฎเหล็ก” ของกฎหมายด้วยก็ตาม

สงคราม “เดิมพันเก้าอี้เจ้าสำนัก” ถึงน่าติดตาม

ห้ามกระพริบตา

 

RELATED ARTICLES