ความหวัง

 

ภารกิจสำคัญของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางไปนั่งหัวโต๊ะประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจวาระสรรหา “เจ้าสำนักปทุมวันคนใหม่” เต็มไปด้วยการจับตามองการตัดสินใจครั้งสำคัญของ ผู้นำป้ายแดง

แสดงบทบาทเหยียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นครั้งแรกในฐานะนายกรัฐมนตรี

ท่ามกลางคลื่นใต้น้ำเป็นแรงกระเพื่อมไม่หยุดตั้งแต่ “คืนหมาหอน” กดดันการลงสนามประเดิมการบ้านชิ้นโต

ที่ประชุมเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

แต่ยังไม่ทันไร “ขบวนการป่วน” เริ่มต้นทำงานด้วยการ “ปล่อยข่าว” สรุปมติให้เลื่อนวาระการพิจารณาแต่งตั้งไปก่อน และให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อาวุโสลำดับ 1 นั่งรักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

อ้างเหตุสงครามภายในที่กำลังร้อนแรงเกรงจะมีฝ่ายได้เปรียบเสียเปรียบจากปฏิบัติการบุกค้นบ้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อีกแคนดิเดตแม่ทัพ

ควรรอผลการสอบสวนให้ชัดเจนก่อนเพื่อความเป็นธรรมแก่เจ้าตัว

ทำเอาในที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจงงเป็น “ไก่ตาแตก” เพราะการพิจารณายัง ไม่สะเด็ดน้ำ ไฉนถึงมีการปล่อยข่าวกระจายว่อนโลกโซเชียล

เอาความเร็วเข้าว่า ไม่มีการกลั่นกรอง แชร์ข้อมูลกันไปทั่ว

ท้ายสุด พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชงชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเป็น แม่ทัพคนที่ 14 ในประวัติศาสตร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำเสนอในที่ประชุม

ตีรถด่วนม้วนเดียวจบ

เสียงของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจเห็นด้วยตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ มีเพียง พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ กรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิคนเดียวไม่เห็นด้วย

กระนั้นก็ตาม ไม่มีผลต่อการหยิบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ขึ้นนั่งบัลลังก์สูงสุดของสำนักปทุมวัน

กลายเป็นนายพล “คนไร้รุ่น” ที่ไม่ได้จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจถัดจาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ที่ได้รับโอกาสในก้าวสำคัญของชีวิตรับราชการในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ

ท่ามกลางความคาดหวังจากตำรวจทั้งกองทัพอยากให้มาประคับประคองขวัญกำลังใจที่กำลังถูกมรสุมรุมเร้าภาพลักษณ์ติดลบอยู่ในปัจจุบัน

เรียกคืนความรักความศรัทธาคืนกลับให้ได้โดยเร็ว

RELATED ARTICLES