ตามรอยรวบคู่หูนักล้วงกระเป๋าชาวเขมรก่อเหตุมากว่า 100 ครั้ง

 

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะมีนโยบายเร่งรัดปราบปรามกวาดล้างกลุ่มแก๊งเหล่ามิจฉาชีพนักล้วงกระเป๋าให้เป็นรูปธรรมในย่านแหล่งธุรกิจและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญใจกลางกรุง อันทำให้เกิดความเสียหายและเกิดผลกระทบด้านลบต่อภาพลักษณ์ของการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อันสนองตามนโยบายของรัฐบาล

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ได้รับการร้องเรียนและร้องทุกข์จากผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนว่า ถูกแก๊งมิจฉาชีพตระเวนอาละวาดออกล้วงกระเป๋าลักทรัพย์คนไทยและนักท่องเที่ยวย่านใจกลางกรุง ไม่เว้นแต่ละวัน ได้สั่งการจัดทีม สืบสวนนครบาล และนักสืบ 113 ออกแกะรอยสืบสวนพบ “กลุ่มแก๊งมือเซียน” ท้าทายเจ้าหน้าที่ตำรวจและไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ตามข้อสั่งการของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มี พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผู้กำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รองผู้กำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล  พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รองผู้กำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล  ร่วมกับนักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญารุ่น 113 และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรปราการนำกำลังสืบสวนติดตาม

ก่อนจับกุม นายบุญ หรือเจน สมนาง อายุ 43 ปี สัญชาติกัมพูชา นายจัน หรือยวน เน็ต อายุ 31 ปี สัญชาติกัมพูชา
ผู้ต้องหาร่วมกันลักทรัพย์ล้วงกระเป๋าได้ที่บริเวณหน้าห้างอิมพีเรียล สาขาสำโรง ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ ยึดของกลาง ไ เสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่ผู้ถูกจับใช้ในการก่อเหตุ  เงินสด  30,000 บาท  แหวน ลักษณะคล้ายทองคำ 1 วง พระเครื่องพร้อมกรอบ ลักษณะคล้ายทองคำ  1 องค์ 5. สร้อยคอลักษณะคล้ายทองคำ  1 เส้น และ โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ oppo  1 เครื่อง และของกลางอื่นๆ อาทิ สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ จำนวน 3 เล่ม ตั๋วจำนำทอง  5 ใบ  รวม 22 รายการ

สืบเนื่องได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและนักท่องเที่ยวผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนว่าเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 มีกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพออกตระเวนล้วงกระเป๋าเอาทรัพย์สินพนักงานและนักท่องเที่ยวจำนวนหลายราย ในพื้นที่ สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ  พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผู้กำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ได้นำกำลังสืบสวนจนทราบแผนประทุษกรรมของแก๊งคนราย ประกอบด้ว ยสมาชิกเป็นชาวกัมพูชาประมาณ 4-5 คน พักอาศัยในอพาร์ตเมนต์ย่านสำโรง-เทพารักษ์ ออกตระเวนก่อเหตุล้วงกระเป๋าเป็นอาชีพตามแหล่งชุมชนที่มีนักท่องเที่ยวและผู้คนสัญจรพลุกพล่าน  มักจะรวมตัวบริเวณห้างดังย่านสำโรง หรือสี่แยกบางนา แล้วเดินทางโดยใช้รถสาธารณะเข้าพื้นที่เป้าหมาย บางจุดมีระยะทางกว่า 30 กิโลเมตรในย่านธุรกิจสำคัญๆ สับเปลี่ยน หมุนเวียน วันเว้นวัน  ไม่ซ้ำเวลา ทั้งในช่วงเช้าถึงช่วงค่ ย่านสุขุมวิท ซอยนานา สีลม  สาธร ตลาดประตูน้ำ สี่แยกเกษตร ตลอดเส้นจนถึงเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน

คนร้ายมักจะเลือกเหยื่อทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ  เน้นสัญชาติ ญี่ปุ่น เกาหลี และสัญชาติจีน เป็นหลัก ไม่เว้นแม้กระทั่งชายและหญิงที่มีการสะพายกระเป๋าเป้ไว้ทางด้านหลัง  วิธีการก่อเหตุจะทำงานกันเป็นทีมอย่างน้อย 2 คน ลงพื้นที่เดินไปมาโดยรอบและติดตามหาเหยื่อ เมื่อพบเป้าหมายจะมีการแบ่งหน้าที่กันทำแบบชัดเจน  คนหนึ่งทำหน้าที่ติดตามสังเกตการณ์ตรวจตราพื้นที่โดยรอบเพื่อรอจังหวะที่จะออกคำสั่งผ่านการโทรศัพท์ในรูปแบบหูฟังไร้สาย (Bluetooth) ไปยังอีกคนหนึ่ที่อยู่ใกล้เคียงเข้าเดินตามติดผู้เสียหาย เมื่อสบโอกาสคนร้ายจะล้วงกระเป๋าโดยการเปิดซิปเป้สะพายหลังก่อนล้วงเอาทรัพย์สิน  ยอีกคนจะทำหน้าที่เดินบังเมิให้คนอื่นเหตุพฤติกรรมการก่อเหตุ เมื่อได้ทรัพย์ทั้งคู่จะเดินฉีกออกก่อนจะขึ้นรถโดยสารสาธารณะหลบหนี แล้วนัดกันแบ่งทรัพย์สินที่ได้มา

สอบสวนทั้งคู่สารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า เมื่อประมาณต้นปี 2566 ลักลอบเข้าประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ทั้งคู่รู้จักมีความสนิทสนมกันประมาณ 5 เดือนชักชวนเพื่อนๆ รวมตัวกันศึกษา เรียนรู้ และวางแผน มีเพื่อนแก๊งนักล้วงกระเป๋าชาวเวียดนามคอยให้คำปรึกษาและสอนเทคนิควิธีการล้วงกระเป๋าระดับเซียนให้กลุ่มแก๊งนักล้วงกระเป๋ชาวกัมพูชาจนซ้ำซอง  เดินทางเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่แหล่งชุมชนที่มีนักท่องเที่ยวและผู้คนสัญจรและชุมนุมอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อได้ทรัพย์สินที่ลักมาได้จะโอนเงิน หรือซื้อเป็นทองคำรูปพรรณ ส่งกลับไปให้ภูมิลำเนาบ้านเกิด ทั้งคู่ออกตระเวนล้วงกระเป๋าในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแต่ละวัน  บางวันสามารถล้วงกระเป๋าผู้เสียหายได้มากถึง 3-4 รายรวมจำนวนการก่อเหตุมากกว่า 100 ครั้ง

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลเผนว่า จากการจับกุมแก๊งล้วงกระเป๋าในครั้งนี้ สืบนครบาล IDMBขยายจับกุมเครือข่ายที่มีพฤติกรรมในลักษณะแบบเดียวกันอย่างต่อเนื่องและจริงจัง พบสั่งการและทำงานกันเป็นทีม มีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจน เจ้าหน้าที่ตำรวจจำต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เท่าทัน เพราะเป็นอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในสังคม รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่ในเวลาอันใกล้นี้ ประเทศไทยจะเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก เป็นภารกิจจำเป็นและเร่งด่วนอย่างยิ่งในการส่งเสริมและสร้างภาพลักษณ์อันดีต่อท่องเที่ยวในการสร้างความรู้สึกปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและชาวต่างชาติเป็นสำคัญ

พล.ต.ต.ธีรเดชยืนยันว่า จะเร่งดำเนินขยายผลติดตามจับกุมให้ได้ทั้งขบวนการ ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ขอฝากเตือนไปยังผู้ประชาชนที่เดินทางโดยการสัญจรอยู่บนฟุตบาทต่างๆ อยู่เป็นประจำ ให้เดินทางโดยใช้ความระมัดระวัง เก็บสิ่งของมีค่าให้มิดชิด เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สินของท่าน ขอประชาสัมพันธ์ถึงผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อคนร้ายให้แจ้งมาที่เฟซบุ๊กเพจ “สืบนครบาล IDMB” จะมีเจ้าหน้าที่ประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งจะปกปิดข้อมูลของเหยื่อเป็นความลับ

RELATED ARTICLES