ภาพลักษณ์ของตำรวจที่ติดลบต่อสายตาประชาชนทุกวันนี้
ส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมทำตัวเป็นนายของชาวบ้าน ใช้วาจาข่มขู่ไม่สุภาพต่อสุจริตชนส่งผลกระทบโดยตรงที่ทำให้สังคมมองผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่จ้องอาฆาตพยาบาทจับผิดเพื่อรีดไถ
เป็นความฝังใจที่ยากจะลบเลือน
โดยเฉพาะ ตำรวจจราจร ตามท้องถนนกลายเป็นหน่วยที่ประชาชนจงเกลียดจงชังมากสุด ทั้งที่หลายคนตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจร ยอมตากแดดตากฝนอดทนต่อมลพิษ ไม่มีสิทธิแม้จะปริปากบ่น
เคยมีนายพลคนหนึ่งพูดไว้น่าคิด
“คุณตั้งด่านตรวจจ้องจับรถความผิดเล็กน้อยแค่คันเดียว แต่รถติดยาวเหยียดกันเป็นขบวน เท่ากับคุณทำให้คนเกลียดตำรวจไปอีกจำนวนเท่าไหร่”
นี่แหละปัญหาหนักอกแต่ขบกันไม่ค่อยแตก
ขนาด พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งกำชับเด็ดขาดห้ามตั้งด่านลอยคอยสร้างความเดือดทำการจราจรติดขัดก็ยังไม่ขัดคำสั่งแอบซุ่มจับตาเสาและมุมมืด บางรายลงไล่ “ล็อกล้อ” รถตามป้ายห้ามจอดกันเป็นฝูง
เหมือนหิวโซขาดรายได้ประจำจากการตั้งด่าน
น่าสนใจโครงการของ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ที่มองว่า การบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาการจราจรและอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือของผู้ใช้รถใช้ถนนในการขับขี่ตามกฎหมาย
ถึงกระนั้นตำรวจต้องปฏิบัติหน้าที่ให้น่าเชื่อถือ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่ประชาชน
ทำให้เกิดโครงการ ” สุภาพบุรุษจราจร ตำรวจภูธรภาค 3 “ ทำความดีด้วยหัวใจ เป็นการปรับเปลี่ยน มิติใหม่ของตำรวจจราจร
ด้วยการ “ เปลี่ยนใบสั่ง-ให้ความรู้ “
เปิดโอกาสให้ผู้กระทำผิดกฎจราจรและถูกออกใบสั่งข้อหาที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น สมัครใจเข้าร่วมกิจกรรมทางเลือก เข้ารับการอบรมความรู้เกี่ยวกับกฎหมายจราจรแทนการชำระค่าปรับ ที่สถานีตำรวจที่ถูกจับ
มุ่งเน้นแก้ปัญหาจราจรทั้งระบบสร้างวินัยผู้ขับขี่
ไม่เน้นจับปรับ
ทำให้ประชาชนทำตามกฎหมาย เข้าใจตำรวจลดความขัดแย้งระหว่างตำรวจกับประชาชน
ถ้าทำได้ทั้งระบบเชื่อว่า ภาพติดลบของตำรวจจะลดน้อยลง ดีกว่ายิ่งภาพ “ความเกลียดชัง” มากขึ้นตามท้องถนนแบบทุกวันนี้