เมื่อวันที่ 24 พ.ย.66 ที่ ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรฐกิจ พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผู้กำกับการ2 กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรฐกิจ พล.ร.ท.ดนัย สุวรรณหงส์ ผู้อำนวยการศูนย์ยุทธการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ผอ.ศยก.ศรชล.) และ นายพยุง บุญสมสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจสอบป้องกันและปราบปราม กรมสรรพสามิต
ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเครือข่ายลักลอบขนถ่ายน้ำมันเขียวผิดกฎหมาย พร้อมของกลางน้ำมันเขียนหรือน้ำมันดีเซล กว่า 23,231,700 ลิตร ได้ที่บริเวณเขตน่านน้ำภายใน ทะเลอาณาเขตและเขตต่อเนื่องฝั่งอ่าวไทย
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า สืบเนื่องจากร้องเรียนว่า มีขบวนการลักลอบนำน้ำมันเขียว หรือ น้ำมันดีเซลปลอดภาษี ของกระทรวงพลังงาน ที่ปกติขายกันอยู่กลางทะเล เพื่อลดภาระต้นทุนของชาวประมง เข้ามาขนถ่ายและขายในเขตน่านน้ำภายในทะเลฝั่งอ่าวไทยรวมถึงแอบขนถ่ายให้กับเรือโดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ศุลกากร สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ และ ส่งผลกระทบไปถึงกลุ่มพี่น้องเรือประมงที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ แต่ไม่มีน้ำมันเขียวเพียงพอที่จะเติมได้
พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ กล่าวว่า หลังทราบเรื่องจึงจัดกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบจนทราบว่าทำกันเป็นเครือข่ายใหญ่ ในช่วงตลอดระยะเวลากว่า 2 ปี สามารถตรวจยึดน้ำมันเขียวของเครือข่ายดังกล่าวได้กว่า 23,231,700 ลิตร พร้อมสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเรื่อยมาจนสามารถเขิญตัวบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องมาทำการแจ้งข้อกล่าวหากว่า 10 ราย
“ในความผิด “ร่วมกันขนถ่ายสินค้าในเขตต่อเนื่องโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากรและเคลื่อนย้ายสินค้าออกไปจากยานพาหนะโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร” แบ่งเป็น 7 คดี 10 กรรม ซึ่งมีอัตราโทษสูงถึง 2,700 ล้านบาท ทั้งนี้จากการสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหาพบว่า ส่วนใหญ่ให้การรับสารภาพ แต่ยังมีบางส่วนที่ให้การปฏิเสธ” ผู้บังคับการตำรวจน้ำกล่าวทิ้งท้าย