กลายเป็นดราม่าเขย่าวงการสีกากี เมื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีหลุดปากกลางวงประชุมพรรคว่าด้วยตำแหน่ง “คุณขอมา” ในการพิจารณาแต่งตั้ง “ผู้กำกับใหม่”
ท้ายสุดโดนยกเอามาเป็นประเด็นร้อนสะท้อนเรื่องราวของ “เด็กฝาก” ของบรรดานักการเมือง
ทั้งที่จริงไม่ใช่เรื่องใหม่ ไม่ใช่ “โลกสวย” เนื่องจากทุกการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ บรรดานักการเมืองน้อยใหญ่ต่างหาช่องทาง “ฝากฝัง” คนของตัวเองถึงผู้กุมอำนาจการพิจารณา
มากจนล้นหน้าตัก
ล้วงลูกจน “แม่ทัพหน้าเขียว” หลังโควตาคนทำงาน “ถูกบั่นทอน” จากบรรดา เด็กเส้น นักวิ่งเต้น หา “ตั๋ว” มากดดันแบ่งปันเก้าอี้
เป็นเรื่องที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องทำการบ้านอย่างหนักว่าจะกล้าหัก “อำนาจนอกรั้ว” ได้มากน้อยแค่ไหน
ลำพังแค่ “โผนายพล” ก็เล่นเอาปั่นป่วนเสียขบวนไปไม่น้อย
ขออนุญาตถอดบทความบันทึกจากความทรงจำถึง “อธิบดีมนต์ชัย” ในหนังสืออนุสรณ์พระราชทานเพลิงศพ พล.ต.อ.มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น ตำนานแม่ทัพปทุมวันที่ พ.ต.อ.วิวัฒน์ วรรธนะวิบูลย์ อดีตนายตำรวจนักสืบถ่ายทอดเรื่องราวไว้
น่าจะเป็นอุทาหรณ์เอามาขบคิดในยุคปัจจุบัน
เจ้าตัวว่า การแต่งตั้งโยกย้ายในสมัยที่ท่านเป็นอธิบดีกรมตำรวจ ผมได้ทราบเรื่องที่มีผู้มาวิ่งเต้น เพื่อจะขอแต่งตั้งโยกย้ายไปตามที่ตนต้องการดังนี้
ในช่วงที่ได้เดินทางไปราชการที่เขาบูโด ในเขตติดต่อชายแดนสามจังหวัดภาคใต้ ในขณะนั้น มีเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ท่านต้องการเดินทางไปดูสถานที่เกิดเหตุและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่โดยเฉพาะ พ.ต.ท.สาโรจน์ จินตวิโรจน์ รองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการในการปิดล้อมติดตามคนร้ายที่ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต ทำให้ท่านประทับใจในการปฏิบัติหน้าที่ของนายตำรวจท่านนี้เป็นอย่างมาก
เมื่อเดินทางกลับมาถึงกรุงเทพฯ ท่านสั่งให้ผมติดตาม พ.ต.อ.พิชัย ชำนาญไพร (ยศในขณะนั้น) นายเวรมาพบ แล้วให้ประสานฝ่ายกำลังพลแต่งตั้งให้ พ.ต.ท.สาโรจน์ จินตวิโรจน์ ขึ้นเป็นผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา และให้โยกย้ายผู้กำกับการภูธรจังหวัดยะลาขณะนั้นไปเป็นผู้กำกับการอำนวยการของกองบังคับการตำรวจภูธรภาค 9 เป็นการโยกย้ายโดยที่ผู้ถูกโยกย้าย “ไม่มีการวิ่งเต้น” หรือทราบล่วงหน้าแต่อย่างใด
ในระหว่างที่ท่านดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจแล้วต้องไปชี้แจงข้อราชการในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเดินทางกลับมาถึงบ้านท่านก็จะมี “เศษกระดาษที่นักการเมือง” หรือผู้ที่ต้องการจะวิ่งเต้นโยกย้ายให้ข้าราชการตำรวจเขียนฝาก
“เมื่อกลับถึงบ้านท่านก็จะล้วงออกมาจากกระเป๋าทิ้งไว้บนโต๊ะแล้วให้ผมนำไปเผาในเตาถ่านที่ข้างครัว เมื่อผมนำกระดาษมาคลี่ดูจึงได้ทราบว่า เป็นคำขอแต่งตั้งโยกย้ายของนายตำรวจต่างๆ”
ขณะเดียวกัน มีผู้ใกล้ชิดสนิทสนมกับท่านมากพานายตำรวจอยู่ต่างจังหวัดต้องการจะโยกย้ายมาดำรงตำแหน่งในพื้นที่ตำรวจนครบาล ท่านให้เรียกนายตำรวจผู้นั้นเข้ามาสอบถามเส้นทางในพื้นที่ที่ต้องการจะไปอยู่
ปรากฏว่า นายตำรวจผู้นั้นไม่สามารถตอบได้
ท่านได้บอกว่า “กลับไปอยู่ที่ต่างจังหวัดเถอะ คุณเข้ามาคุณก็ไปไหนไม่ถูก” สรุปนายตำรวจผู้นั้นไม่ได้ย้าย
นอกจากนี้ก็จะมีนายตำรวจที่มาวิ่งเต้นโยกย้าย ปรากฏว่า ส่วนใหญ่จะไม่ได้ดังใจหวัง เพราะท่าน ทราบประวัติและความประพฤติในทางไม่ดีของบางคน หลังจากคนที่มาวิ่งเต้นกลับไปแล้ว
ท่านจะบอกว่า “คนนี้มีประวัติไม่ดี”
ในที่สุดไม่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้าย
เส้นดี เส้นใหญ่แค่ไหนยุคนั้นก็ไม่มีสิทธิ