“การสืบสวนมันอยู่ที่ความตั้งใจ ตอนนั้นไม่มีใครเป็นอาจารย์”

 

ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางเดินชีวิตจากเครื่องแบบข้าราชการทหารไปสวมวิญญาณผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จนกลายเป็นตำนานนักสืบเมืองกรุง

พล.ต.ต.อภิชาติ เชื้อเทศ ชาวกรุงเทพมหานคร จบมัธยมต้นโรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกภาษาฝรั่งเศส แล้วบินไปเรียนไฮสคูล 2 ปีแล้วต่อมหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยความฝันอยากเป็นวิศวกร เรียนอยู่ 4 ปีจบวิศวโยธา กรมทางหลวงของอเมริกาขาดคนต้องการให้ไปทำงานเลือกกับกรีนการ์ด คิดพักใหญ่ว่าจะอยู่เพื่อเรียนต่อปริญญาโทหรือไม่

ปรากฏมีวิศวกรรุ่นพี่เป็นคนไทยอยู่ที่นั้นแนะนำให้กลับบ้านดีกว่า เนื่องจากทำงานที่อเมริกายังไงก็ไม่มีความก้าวหน้า เพราะเราเป็นคนต่างชาติผิวเหลือง ตื่นขึ้นมาตอนเช้า พล.ต.ต.อภิชาติเล่าว่า ตีตั๋วขึ้นเครื่องบินกลับเมืองไทยเลย ถึงแผ่นเดินเกิดเจอปัญหาอีก เพราะไม่ได้เกณฑ์ทหาร พ่อต้องไปฝากผู้การกรมนักเรียนนายร้อยใช้โควตาเข้าไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือเกี่ยวกับวิศวโยธาที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าที่กำลังขาดบุลากรครูด้านนี้พอดี

ติดยศ ร.ท.ทหารเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย เจ้าตัวรู้สึกว่า เครื่องแบบหน้าอกไม่มีเครื่องหมายอะไรเหมือนพวกจบนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ขอไปฝึกหลักสูตรเสือคาบดาบนาน 3 เดือน ผ่านการทดสอบเข้าไปเรียน  ฟิตร่างกาย วิดพื้น วิ่ง ทำได้แบบนักเรียนนายร้อยอยู่ในป่าในเขาจนได้เครื่องหมายตามที่คาดหวังไว้ ยอมรับว่า เหนื่อยลากเลือด ซึมซับคำเขียนที่หน้าโรงเรียนว่า ที่นี่ไม่มีคำว่านายทหาร พลทหาร มีแต่คำว่าครูกับนักเรียนอย่างเดียว

“ครูฝึกเป็นพวกนายสิบพลร่มหมวกแดง มาก็หวดฉิบหาย ไม่ฟังเสียง หวดแบบไม่เกรงใจ ไม่สนใจ แต่วันที่ผมเรียนจบนะ มันทำความเคารพนะ เพราะผมเป็นนายทหาร พวกนั้นเป็นชั้นประทวนยศ ส.อ. แต่วินัยดี ตอนฝึก เวลาเราจะนอนก็ไปปลุกมาเล่นอีก ทรมาน คิดๆ แล้ว ตอนนั้นไปเรียนได้อาทิตย์คิดว่า จะกลับดีหรือเปล่า แต่ไหนๆ มาเรียนแล้ว ก็อดทน ทู่ซี้ อยู่กับมัน 3 เดือน กว่าจะเรียนจบ ตอนนั้นตัดผมนี่สั้นจู๋ ตีนเน่า ใส่คอมแบต เดินป่าถือปืนทั้งวันทั้งคืนไปเรียนจนจบออกมา” พล.ต.ต.อภิชาติเล่าความหลัง

            ได้เครื่องหมายแรงเยอร์มาพิสูจน์ตัวเองไม่ใช่นักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าแต่ผ่านการฝึกหลักสูตรมาแล้วเหมือนกัน ก่อนไปหลักสูตรกระโดดร่มประดับปีกร่มติดเครื่องแบบอีกอัน  พล.ต.ต.อภิชาติบอกว่า เป็นนักเรียนนอกคนเดียวที่ได้เครื่องหมายทั้ง 2 หลักสูตร จนบางคนถามว่า ไปเรียนทำไม บ้าหรือ เราสอนหนังสือไม่ได้ไปเกี่ยวข้องการยุทธวิธีรบ

อย่างไรก็ตาม ทำงานอยู่ 2-3 ปีเริ่มเบื่อ คิดว่าอยู่ต่อไปก็ไม่เจริญเติบโตก้าวหน้า เพราะไม่ได้จบโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จะไปอยู่เหล่ารบก็ไม่ได้ เพราะต้องผ่านโรงเรียนเสนาธิการทหารที่จะต้องโดนกันท่า  บังเอิญไปหาเพื่อนเป็นตำรวจอยู่ยานนาวา เริ่มคิดว่า ถ้าเป็นตำรวจได้จับคนร้าย แต่ทหารจับคนร้ายไม่ได้ โชคดีได้ผู้ใหญ่ผลักดันไปฝาก พล.ต.อ.มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น อธิบดีกรมตำรวจขณะนั้น

ใช้เวลาเกือบปีโอนย้ายข้ามสังกัดมาอยู่กรมตำรวจสังกัดกองบังคับการตำรวจจราจร ประจำกองช่างไปรายงานตัวกับ พล.ต.ต.ชลิต บุลสุวรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล คุมงานจราจรถามว่า “ลื้อมาจากไหน” เขาตอบไปตามความจริง  “ผมเป็นอาจารย์จากโรงเรียนนายร้อยครับ” นายพลนครบาลชอบใจมากเพราะจบรั้วโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ามา รีบเซ็นย้ายให้ไปคุมงานสายตรวจ “เดี๋ยวลื้อไปเป็นชุดเฉพาะกิจ” เจ้าตัวจำคำผู้เป็นนายแม่น

ปฏิบัติหน้าที่แผนกตรวจและปฏิบัติการจราจรคุมพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร ตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรเจอกับบททดสอบแรกของนายตำรวจรุ่นพี่หลอกไปเป็นพระอันดับเก็บส่วยตามท่าทราย แต่ไม่ได้สักบาท แค่พาไปเลี้ยงข้าวทุกเย็นหลังออกเวร กระทั่งเรื่องเข้าหู พล.ต.ต.ชลิต บุลสุวรรณ เรียกไปจวกและเตือนอย่าไว้ใจตำรวจด้วยกันเอง

อยู่ได้ 2-3 เดือนผลงานเข้าตาผู้กำกับ สถิติการตั้งด่านจับกุมรถผิดกฎหมายเยอะมาก  แต่ยังไม่วายมีปากเสียงทะเลาะกับคนขี่มอเตอร์ไซค์อ้างเป็นนักข่าว ใช่นามสกุล “แสงแก้ว”  นามสกุลเดียวกับ พล.ต.ท.วิเชียร แสงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ครูเก่าโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมปะทะคารมและออกใบสั่งไป วันรุ่งขึ้นถูกร้องลงหน้าหนังสือพิมพ์  โดนตั้งกรรมการสอบสวน “ผู้ใหญ่พยายามช่วยสอบปากคำไม่ให้ยืนยันคำพูด เพราะไม่มีใครได้ยิน  ไอ้เรามีความเป็นทหาร เลือดแรงอยู่ ก็ให้ปากคำบอกใส่ไปเลย คนอย่างผม ตั้งใจพูด ผมก็พูด พวกนั้นกำลังพิมพ์ดีด ในสำนวนสอบปากคำ ย้ำว่า คุณไม่ได้พูดนะ คุณเชื่อผมเถอะ คือ เขาจะช่วยเรา”

สุดท้ายโดนภาคทัณฑ์ปีนั้นไม่ได้ 2 ขั้น พล.ต.ต.ชลิต บุลสุวรรณ เรียกไปอีกรอบตำหนิว่า ทำไมไม่บอกเรื่องที่เกิดขึ้น สอนอีกว่า การเป็นตำรวจต้องโกหกบ้างจะพูดความจริงมากไม่ได้แล้วตัวเองจะเจ๊ง  นับตั้งแต่นั้นมา พล.ต.ต.อภิชาติถึงเข้าใจโลกของตำรวจถ่องแท้มากขึ้นและรู้สึกได้ว่า นี่คือ อาชีพของเขาจากที่ไม่รู้ทางเดินในตัวเองมานาน

อยู่จราจรกลางเป็นกันชนให้ลูกน้อง เขายังได้ปะทะฝีปากทะเลาะท้าทายกับน้องเมีย พล.ต.อ.มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น อธิบกรมตำรวจ ขึ้นโรงพักดุสิตแจ้งข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานจนหลายคนพากันหลบ พ.ต.ท.ภาณุรัตน์ มีเพียร เป็นสารวัตรจราจรต้องรีบลงไปเคลียร์จับไม่จับมือขอโทษขอโพยจนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในเวลาต่อมา

ผ่านไปจนลุ้นขึ้นสารวัตร พล.ต.ต.ชลิต บุลสุวรรณ ผู้เป็นนายป่วยเป็นมะเร็งกำลังลุ้นขึ้นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเสียชีวิต พล.ต.ต.มาะนะ วงศ์สมบูรณ์ แคนดิเดตนั่งเก้าอี้  น.1 คู่กับ พล.ต.ต.เสมอ ดามาพงศ์ ออกตรวจทุกวัน พล.ต.ต.อภิชาติเล่าว่า ต้องไปยืนโบกรถอยู่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิทุกเช้า ท่านมานะมาพูดว่า ขอให้เร่งทำผลงานจับกุมจราจรมากหน่อย เราก็เรียกลูกน้องปล่อยแถว ให้ออกใบสั่งเช้าเย็น “แล้วคนเราจะว่าดวงก็ได้นะ วันสุดท้ายที่จะมีประชุมแต่งตั้ง ท่านมานะแวะตรวจอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผมเข้าไปหา ไม่รู้คิดอะไร ดีกว่าอยู่เปล่า ๆ บอกแกว่า ท่านครับ วันนี้ ผมขอให้ท่านได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลนะครับ ก่อนทำความเคารพ แกกอดคอเราเลย แล้วบอกอภิชาติ ไอ้ห่า มีคุณเป็นพวกผมอยู่คนเดียวนะ”

เย็นวันนั้นที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจมีมติแต่งตั้ง พล.ต.ต.มานะ วงศ์สมบูรณ์ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เขาซื้อแจกันดอกไม้ไปยืนรอแสดงความยินดีถึงหน้าบ้านตั้งแต่ตี 5 มีคนรอเข้าแถวต่อคิวกันยาวเหยียด แข็งใจบอกกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาลคนใหม่ว่า เป็นรองสารวัตรมา 6 ปี เป็นตำรวจมา 4 ปี รวมเป็น 10 ปี อยากขึ้นสารวัตรแล้ว

ในที่สุดเขาได้เลื่อนเป็นสารวัตรแผนกช่างเครื่องยนต์และตรวจพิสูจน์ กองบังคับการตำรวจจราจร คนละหน้างานสายตรวจที่เคยทำ มี พล.ต.ต.วินิจ เจริญศิริ เป็นผู้บังคับการจราจร บ้านอยู่หัวหมาก เป็นจังหวะน้ำท่วมกรุงเทพฯ ครั้งใหญ่ รามคำแหงจมบาดาล ได้รับคำสั่งให้ไปช่วยน้ำท่วม ระบายการจราจรบริเวณนั้น แต่งเครื่องแบบยืนแช่น้ำสั่งการทุกวัน ผู้เป็นนายเห็นความขยันขันแข็ง ทะมัดทะแมงเรียกไปคุยซักประวัติเก่าที่เคยเป็นครูยิ่งถูกชะตา

พล.ต.ต.อภิชาติว่า ท่านวินิจชวนนั่งรถไปกินข้าวตอนกลางวันกันสองคนประจำ บอกชอบที่เราทำงานดี ปีนั้นได้ 2 ขั้นด้วย พอท่านขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาลจึงมีคำสั่งให้ไปลงเป็นสารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลบุคคโล เริ่มต้นชีวิตนักสืบครั้งแรก รู้ตัวแล้วว่า สเปกเราตรงนี้ใช่แล้ว ทำงานหามรุ่งหามค่ำ คดีอะไรจับได้หมด เล่นเอาเหี้ยนเตียน สมัยนั้นผู้หลักผู้ใหญ่ชอบ ไม่พูดเรื่องเงิน

 

รับโล่รางวัลสืบสวนดีเด่นของกองบังคับคับการตำรวจนครบาลธนบุรี มี โกสินทร์ หินเธาว์ ได้ดีเด่นของกองบังคับการตำรวจนครบาลพระนครเหนือ และสมคิด บุญถนอม ดีเด่นของกองบังคับการตำรวจนครบาลพระนครใต้ เขาอยู่บุคคโลนาน 3 ปี ผู้บังคับบัญชาปูนบำเหน็จให้แก่คนทำงานย้ายเป็นสารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน และยังได้เป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจปราบปรามอบายมุขของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ภายใต้การควบคุมของ พล.ต.ต.วินิจ เจริญศิริ เปิดฉากคว้านายบ่อนคนดัง “ปอ ประตูน้ำ” มาดำเนินคดี

นายสมัยก่อน ไม่มีเรื่องผลประโยชน์ ผมสะสมประสบการณ์มาจากการไล่ถาม การสืบสวนมันอยู่ที่ความตั้งใจ ตอนนั้นไม่มีใครเป็นอาจารย์ มีแค่ท่านรังสิต ญาโนทัย จะให้ฆ่าโจรอย่างเดียว เดี๋ยวคุณเอามันไปยิงทิ้งเลยนะ สารภาพว่า ผมก็มีเอาไปยิงเหมือนกันนะ แต่ไม่ผิดตัว พอยิงแล้ว แกก็ขอบคุณ แกไม่เคยพูดเรื่องเงินนะ ท่านวินิจก็ไม่เคยเอาเรื่องเงิน เลยเอาผมไปเป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ”

อยู่ปทุมวันไม่นานขึ้นเป็นสารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจนครบาลบาลบางรัก เพราะความเมตตาของผู้ใหญ่ มีผู้เป็นนายคอยประคองโอบอุ้มกันมาจนเลื่อนเป็นรองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลพระนครใต้เกิดมรสุมชีวิตรับราชการเมื่อเข้าไปร่วมวงอยู่ตรงกลางระหว่างขั้วอำนาจกรมปทุมวัน ถูกจับให้เป็นหมากเล่นเกมใต้ดินสกัดกั้นเส้นทางสู่ปลายยอดเก้าอี้กองทัพตำรวจของใครบางคนเพื่อดัน พล.ต.อ.วินิจ เจริญศิริ ขึ้นเป็นอธิบดีกรมตำรวจ

เกมกระดานร้อนเกิดพลิก เมื่อ พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา นั่งตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจ ได้เวลาเช็กบิลขั้วอำนาจ เขาเจอคำสั่งเด้งจากรองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลพระนครใต้ไปเป็นรองผู้กำกับโรงพักถ้ำพรรณรา จังหวัดนครศรีธรรมราช “ผมไม่โกรธนะ แม่ผมเรียกก็ไปพูดเตือนด้วย  อย่าไปโกรธเขานะ เราก็ทำเขาเยอะ เขาถึงพูดตลอดเลยว่า เราเป็นคนเลื่อยเขา” พล.ต.ต.อภิชาติระบายความรู้สึกครั้งนั้น

ย้ายทำงานภูธรอยู่ปักษ์ใต้ครั้งแรกในชีวิตนาน 2 ปี 4 เดือน  ขั้วอำนาจเปลี่ยนย้ายเขากลับมาเป็นผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 8 ขึ้นรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 ขยับเป็นรองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ รับผิดชอบงานปราบปรามอบายมุข แล้วขอย้ายกลับลงพื้นที่เก่าเป็นรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8

อาวุโสครบขึ้นนายพล ได้ผู้ใหญ่ฝากฝังรัฐบาลทหารยุคล้มกระดานนายกฯทักษิณ ชินวัตรพลาดหลุดบัญชีแรกที่จะได้เป็นผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 ต้องรอเปลี่ยนเจ้าสำนักปทุมวันถึงขึ้นผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6  ก่อนเจอเด้งสังเวยขั้วอำนาจที่สลับไปก่อนเกษียณปีสุดท้ายในตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร

ถามประสบการณ์ทำคดีที่ประทับใจ พล.ต.ต.อภิชาติย้อนความสมัยอยู่กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 8  ผู้หญิงถูกลากไปข่มขืนทำร้ายร่างกายเกือบตายอยู่ตึกร้างข้างเดอะมอลล์ ท่าพระ  ผู้บังคับบัญชาไล่จี้ทุกวันเอาให้ได้ เพราะเป็นข่าวดังครึกโครม คิดว่ายังไงก็ไม่ได้ เพราะไม่มีพยานเห็น

“จับต้นชนปลายไม่ถูก ผมถึงขึ้นต้องบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มาปรากฏมีแท็กซี่คนหนึ่งมาหาสัมฤทธิ์ ตงเต๊า สารวัตรสืบสวนโรงพักบุคคโลตอนนั้น ให้เบาะแสวันเหตุรับชายต้องสงสัยเสื้อเปื้อนเลือดไปส่งบางแค ไม่รู้เข้าไปบ้านไหน เป็นสลัม อธิบายเสื้อเปื้อนเลือดติดกระดุมอย่างนั้นอย่างนี้เหมือนเสื้อยีนส์” 

        เหตุเกิด 2 สัปดาห์แล้ว อดีตผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 8 เผยเบื้องหลังพิชิตคดีว่า กลุ้มใจมากที่ยังจับไม่ได้ ส่งลูกน้องไปดูในชุมชน เชื่อไหมเดินเข้าไปเจอผู้หญิงนั่งซักเสื้อตัวนั้นอยู่ตอนบ่าย 2 โมง ถามไปว่าเสื้อใคร มันบอกของผัวขับสามล้ออยู่ท่าดินแดง มั่นใจว่าใช่แน่ รีบเอากำลังไปล็อกตัวมาได้สำเร็จ ไม่น่าเชื่อ เหมือนปาฏิหาริย์

อยู่จังหวัดชุมพรนำเอาตำราสืบสวนนครบาลไปคุมเกมปิดคดีคนร้ายปาหินใส่รถที่สัญจรผ่านไปมาตอนกลางคืนได้อย่างยอดเยี่ยม พล.ต.ต.อภิชาติเบิกเรื่องราวว่า เหตุเกิดหลายจังหวัดในภาคใต้ ฮิตมาก จับใครไม่ได้ นายหลายคนปวดหัว เราบอกใจเย็น ๆ เดี๋ยวสัปดาห์หน้าให้ท่านมาแถลงข่าวได้เลย วันนี้ท่านดูไปก่อน ให้นักข่าวถ่ายไปก่อน พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กำชับหนักหนาเอาให้ได้ ถ้าทำไม่ได้จะเสียคำพูด

“เราอยู่นครบาลมา เรื่องแบบนี้ง่ายตายห่า คดีปาหินคุณว่าเรื่องใหญ่ไหมเทียบกับเรื่องอาชญากรรม มันไม่ได้ไปฆ่าใคร แค่วางแนวระยะทางเกิดเหตุ แสดงว่า ต้องอยู่ในหมู่บ้านแถวนั้น แต่จะให้ไปสืบหาไม่มีใครรับหรอก ผมใช้วิธีให้ตำรวจเข้าไปตามบ้าน คนที่รู้จักกันหมด หาข่าวว่า ใครเป็นคนปา ส่วนใหญ่วัยรุ่นทั้งนั้น ไม่ต้องไปจับนะ เดี๋ยวเอาเงินให้ค่าข่าว ไม่นานมันก็มาบอกว่าใครทำ” ตำนานนักสืบเมืองหลวงว่า

“พอรู้ตัวแล้วก็ไม่ดูสิว่า เป็นญาติใคร บอกผู้ใหญ่บ้านเรียกมาคุยให้มอบตัว ถ้าไม่ทำมีปัญหาแน่ รับรองว่า เด็กไม่ติดคุก แค่คุมประพฤติ พูดกับผู้ว่าราชการจังหวัด บอกผู้พิพากษาหัวหน้าศาลไว้แล้ว ในที่สุดก็มามอบตัว ผมเอาไปชี้จุดเกิดเหตุ รับสารภาพหมด เพราะรู้ว่า ไม่คิดคุก มันก็แค่นั้นเอง ทั้งหมดเนื่องจากเราอยู่นครบาล เราคิดเป็น ไม่เหมือนตำรวจภูธร”  อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพรเล่าฉากสืบสวน

อภิชาติ เชื้อเทศ !!!

 

 

RELATED ARTICLES