รวบ 2 บัญชีม้าแก๊งคอลฯ เจอหมายจับติดตัวอื้อ อีกคดี! จับกุมคนร้ายคดีสำคัญลำดับที่ 37

กองปราบตามรวบ 2 บัญชีม้าให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เจอหมายจับติดตัวอื้อ อีกคดี! จับกุมผู้ร้ายลำดับที่ 37 ตามประกาศสืบจับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2566

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งการ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รองผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผู้กำกับการ5กองบังคับการปราบปราม พ.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย, พ.ต.ท.หัตถพร ทองคำ, พ.ต.ท.หัตถพล ทองคำ และ พ.ต.ท.ณัติรุจน์ วัฒนะฉัตรรัตน์ รองผู้กำกับการ5กองบังคับการปราบปราม เร่งรัดให้

พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ มีมุสิก สารวัตรกองกำกับการ5กองบังคับการปราบปรามนำกำลังเข้าจับกุม นายชัยพงศ์ฯ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับหมายจับศาลจังหวัดอุทัยธานีที่ จ.53/2565 ลง 6 พฤษภาคม 2565 ข้อหา “ฉ้อโกง, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ได้ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต

พฤติการณ์  เมื่อเดือน มี.ค.65 ผู้เสียหายได้ถูกคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชักชวนให้ทำงานโฆษณาสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ออกอุบายให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าระบบเพื่อเป็นการยืนยันตัวตน เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเข้าบัญชีผู้ต้องหารายนี้ รวม 100,000 บาท จากนั้นคนร้ายได้แจ้งว่าผู้เสียหายทำขั้นตอนผิดพลาดจะต้องโอนเงินเข้าระบบอีกครั้ง ผู้เสียหายจึงเกิดความสงสัยและขอรับเงินคืน แต่ไม่สามารถติดต่อคนร้ายได้ จึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองการุ้ง จ.อุทัยธานี จนมีการออกหมายจับไว้ กระทั่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบสวนทราบว่า นายชัยพงศ์ฯ ได้หลบหนี อยู่ในพื้นที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จึงติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว

สอบสวน นายชัยพงศ์ฯ ให้การรับสารภาพว่า เมื่อประมาณต้นปี 2566 ตนได้รับจ้างจากนายชาย ไม่ทราบชื่อและสกุลจริง ให้ช่วยเปิดบัญชีธนาคารให้ โดยอ้างว่าจะรวบรวมนำไปใช้ในการพนันออนไลน์ โดยได้รับค่าจ้าง 1,000 บาท นอกจากนี้ตรวจสอบประวัติพบหมายจับในลักษณะเดียวกัน อีกจำนวน 3 หมายจับ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองการุ้ง จ.อุทัยธานี เพื่อดำเนินคดีต่อไป

 

อีกคดี รวบวัยรุ่นสาวเปิดบัญชีม้าให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลอกเหยื่อโอนเงิน ความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท จับกุม น.ส.นิสาฯ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ จ.27/2567  ลงวันที่ 19 มกราคม 2567 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน หรือเปิด หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด”ได้ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่  ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต

พฤติการณ์  เมื่อเดือน เม.ย.66 ผู้เสียหายได้ถูกคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์มาข่มขู่ โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอตรวจสอบบัญชีของผู้เสียหายเนื่องจากพบว่าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติดให้ผู้เสียหายโอนเงินไปเพื่อทำการตรวจสอบ รวมกว่า 1 ล้านบาท หลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อคนร้ายได้ จึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบสวนทราบว่า น.ส.นิสาฯ ได้หลบหนีอยู่ในพื้นที่ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต จึงติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว นอกจากนี้ตรวจสอบประวัติพบหมายจับในลักษณะเดียวกัน อีกจำนวน 3 หมายจับ มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 5 ล้านบาท

คดีสุดท้าย จับกุมผู้ร้ายคดีสำคัญลำดับที่ 37 ตามประกาศสืบจับ ตร. 2566 โดยว่าที่ พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผู้กำกับการ3กองบังคับการปราบปราม  พ.ต.ท.พงศกร ตันอารีย์ , พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่งรอง , พ.ต.ท.อภิมัณฑ์ บานชื่น และ พ.ต.ท.พงษ์พิทักษ์ เหล็กชูชาติ รองผู้กำกับการ3กองบังคับการปราบปราม ว่าที่ พ.ต.ต.พงศธร รัชตวัชรางกูร สารวัตรกองกำกับการ3กองบังคับการปราบปราม นำกำลังจับกุม นายอรุณ หรือแอ้งฯ อายุ 64 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 171/2555 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2555 คดีอาญาที่ 631/2554 ข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” ได้ที่บริเวณพื้นที่ หมู่9 บ้านซับสาลิกา ตำบลบึงสามพัน อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2554 ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับคู่อริในแคมป์คนงานด้วยปมชู้สาว ได้ใช้อาวุธมีดฟันคู่อริจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่หน้าห้องพักคนงาน ม.8 ต.ราษฎร์นิยม อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ก่อนจะหลบหนีไป ต่อมาภายหลังผู้ต้องหาได้ถูกขึ้นบัญชีผู้ต้องหาคดีสำคัญตามปฏิทินประกาศสืบจับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 2566 (ลำดับที่ 37) กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบทราบว่า นายอรุณ ได้หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ จึงติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว สอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรไทรน้อย ดำเนินคดีต่อไป

RELATED ARTICLES